Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

นักวิเคราะห์ชี้บิตคอยน์(BTC)ยังไม่ถึงจุดสูงสุด ช่วงสะสมก่อนขาขึ้นรอบใหม่

นักวิเคราะห์ชี้บิตคอยน์(BTC)ยังไม่ถึงจุดสูงสุด ช่วงสะสมก่อนขาขึ้นรอบใหม่ / Tokenpost

บิตคอยน์(BTC) ยังคงเคลื่อนไหวอ่อนตัวลง โดยล่าสุดราคาปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 107,000 ดอลลาร์ (ราว 1.42 ล้านบาท) แต่ในขณะที่ตลาดมีความระแวดระวังสูงขึ้น นักวิเคราะห์บางส่วนยังเห็นว่า *ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าราคาบิตคอยน์ถึงจุดสูงสุดของรอบนี้แล้ว*

นักวิเคราะห์ด้านคริปโตที่ใช้ชื่อว่า ‘มิสเตอร์ วอลล์สตรีท(Mr. Wall Street)’ ได้ให้มุมมองสวนทางกับกระแสหลัก โดยระบุว่าการเคลื่อนไหวของราคาบิตคอยน์ในปัจจุบันยังไม่ได้บ่งชี้ถึงจุดสูงสุดของรอบนี้ แต่เป็น *“ช่วงสะสม”* เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปรับตัวขึ้นรอบใหม่ เขากล่าวว่า ในช่วง 120 วันที่ผ่านมา บิตคอยน์เคลื่อนไหวในกรอบแนวต้านที่ 120,000–123,000 ดอลลาร์ (ราว 1.59–1.62 ล้านบาท) และแนวรับที่ 107,000–110,000 ดอลลาร์ (ราว 1.42–1.46 ล้านบาท) หากราคาปัจจุบันคือจุดสูงสุดจริง แนวรับเหล่านี้น่าจะถูกทะลุลงไปแล้ว

เขายังระบุเพิ่มเติมว่า ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มีแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนรายย่อยเฉลี่ยวันละประมาณ 3,150 BTC แต่ราคาก็ยังไม่หลุดแนวรับหลัก แสดงให้เห็นว่า *นักลงทุนสถาบันได้เข้าซื้อและดูดซับแรงขายเหล่านี้ไว้ทั้งหมด* เขาจึงประเมินว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วง “การสะสมขนาดใหญ่” โดยตัวเขายังคงถือสถานะซื้อ (long position) ที่ต้นทุนเฉลี่ย 107,750 ดอลลาร์ (ราว 1.42 ล้านบาท) และยังไม่พบสัญญาณใดที่ชี้ถึงเทรนด์ขาลงอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกมุมมองหนึ่งจากนักวิเคราะห์อีกคนชื่อว่า ‘ด็อกเตอร์ โปรฟิต(Doctor Profit)’ ซึ่งมองว่าบิตคอยน์ยังไม่พร้อมจะทะลุแนวต้านและขึ้นไปต่อในระยะสั้นได้ เขาให้ความเห็นว่า *การลดขนาดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)* หรือที่เรียกว่า ‘นโยบายการเงินแบบตึงตัว’ (Quantitative Tightening: QT) จะดำเนินไปจนถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2025 ซึ่งก่อนถึงเวลาดังกล่าว สภาพคล่องในตลาดจะยังคงถูกดูดออกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ สินทรัพย์เสี่ยงอย่างบิตคอยน์ขาดแรงขับในระยะใกล้

ด็อกเตอร์ โปรฟิต ยังชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีที่มีคนอ้างว่า ธนาคารกลางสหรัฐได้เพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบผ่านการ ‘อัดฉีดเงิน’ เกือบ 50,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่าไม่เป็นความจริง เพราะจำนวนดังกล่าวเป็นเพียงการให้กู้ผ่านการทำธุรกรรมแบบรีโป (Repo) ชั่วคราว ไม่ได้เกิดสภาพคล่องถาวรจริงๆ

เขายังเตือนว่าเรากำลังอยู่ใน *“ช่วงปลายของ QT”* ซึ่งเริ่มก่อให้เกิดความเครียดในระบบการเงิน คล้ายกับช่วงก่อนเกิดวิกฤต repo ในปี 2019 และวิกฤตโควิดในปี 2020

สุดท้าย ทิศทางของราคาบิตคอยน์ในระยะต่อไปขึ้นอยู่กับปัจจัยมหภาค เช่น ระดับสภาพคล่องในระบบ เศรษฐกิจโดยรวม *ความเชื่อมั่นของนักลงทุน* และ *ความต้องการจากสถาบัน* ซึ่งในภาพรวมระยะกลางถึงยาวอาจมีความสำคัญมากกว่าการเคลื่อนไหวรายวันในปัจจุบัน ความเห็นโดยรวมจึงชี้ว่า นักลงทุนควรพิจารณาภาพใหญ่เป็นหลัก มากกว่าตื่นตระหนกกับความผันผวนระยะสั้น

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1