ราคาบิตคอยน์(BTC) ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ท่ามกลางแรงเทขายจากทั้งผู้ถือสินทรัพย์ระยะยาวและนักลงทุนระยะสั้น โดยพบว่าในช่วง 30 วันที่ผ่านมา มีบิตคอยน์กว่า 400,000 เหรียญ ถูกขายออกจากกระเป๋าของผู้ถือครองระยะยาว ขณะที่ผู้ถือครองระยะสั้นเทขายสินทรัพย์รวมกันมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.2 หมื่นล้านบาท
เมื่อวันที่ 9 ราคาบิตคอยน์ร่วงลงกว่า 3.5% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า โดยซื้อขายอยู่ในระดับประมาณ 104,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.04 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการขาดทุนประมาณ 8% เมื่อเทียบระดับสัปดาห์ และขาดทุน 17% ภายในระยะเวลา 30 วัน การร่วงลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากราคาบิตคอยน์ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 126,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.26 ล้านบาท
ข้อมูลจากนักวิเคราะห์ของบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลออนเชนอย่างคริปโตควอนต์ ระบุว่า ภายในเดือนที่ผ่านมา ผู้ถือครองบิตคอยน์ระยะยาวมีการเคลื่อนย้ายเหรียญมากกว่า 405,000 BTC คิดเป็นมูลค่าราว 42.3 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5.8 ล้านล้านบาทในราคาตลาดปัจจุบัน คำว่า ‘ผู้ถือครองระยะยาว’ ในที่นี้หมายถึงกระเป๋าเงินที่มีการถือสินทรัพย์ต่อเนื่องนานกว่า 6 เดือนโดยไม่มีการเคลื่อนไหว
นักวิเคราะห์ในตลาดมองว่า แรงขายมหาศาลเช่นนี้อาจยังส่งผลกดดันให้ราคาตกลงต่อไปได้ในระยะสั้น มีนักเทรดบางรายชี้ว่า บิตคอยน์กำลังก่อตัวเป็นรูปแบบ ‘ลิ่มขาขึ้น’ ซึ่งหากหลุดแนวรับ อาจปรับตัวลดลงไปสู่ระดับ 72,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 7.2 แสนบาท) หรือในกรณีเลวร้ายอาจไปถึง 60,000 ดอลลาร์ (ราว 6 แสนบาท) ได้
ในอีกด้านหนึ่ง นักลงทุนระยะสั้นก็เริ่มแสดงออกถึงภาวะทางอารมณ์ที่ไม่มั่นคง โดยยอมขายขาดทุนบิตคอยน์รวมมูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความไม่แน่นอนในตลาดที่กำลังสร้างแรงกดดันอย่างหนัก
เมื่อแนวโน้มขาลงของบิตคอยน์ดูเหมือนจะยังไม่สิ้นสุด ความสนใจของตลาดจึงย้ายไปที่ระดับราคาที่เหรียญจะสามารถสร้าง ‘แนวรับ’ ที่มั่นคงใหม่ได้ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างตลาดและจิตวิทยาของผู้ลงทุนอย่างชัดเจน
ความคิดเห็น 0