สื่อคริปโตระดับโลกอย่าง CoinEasy ได้ตีพิมพ์รายงานล่าสุดโดยมองว่าการเติบโตของบิตคอยน์(BTC) เป็นมากกว่าการปฏิวัติด้านการเงิน แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านระดับอารยธรรม พร้อมชี้ว่าระบบการเงินปัจจุบันกำลังถึงจุดล่มสลายจากภาวะหนี้ภาครัฐพุ่งสูง, ความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางลดลง และการพิมพ์เงินที่เกินควบคุม โดยบิตคอยน์กำลังกลายเป็น *เทคโนโลยีฐานราก* ที่มาแทนระบบดั้งเดิม
รายงานเน้นว่า บิตคอยน์กำลังลดบทบาทของธนาคารกลาง และสั่นคลอนโครงสร้างการบริหารงบประมาณของรัฐบาล ตัวอย่างคือ อำนาจของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) กำลังถูกลดทอนโดยอัลกอริธึมของบล็อกเชน ขณะที่การตัดสินใจเชิงนโยบายไม่ได้อยู่ในมือชนชั้นนำอีกต่อไป แต่ถูกถ่ายโอนไปยังโปรโตคอลที่ตั้งอยู่บนคณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นสัญญาณของ *การสิ้นสุดของระบบเศรษฐกิจแบบรัฐนิยมตามแนวคิดของเคนส์*
นอกจากนี้ CoinEasy ยังชี้ว่า เสน่ห์ของสินทรัพย์แบบเดิมอย่างพันธบัตรภาครัฐลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บิตคอยน์ซึ่งมี ‘ความหายาก’ ในทางเศรษฐศาสตร์ กลับถูกมองว่าเป็น ‘เครื่องมือเก็บมูลค่าที่ดีที่สุด’ ไม่เฉพาะในตลาดการเงินเท่านั้น แม้แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็ถูกประเมินใหม่ในเชิงประโยชน์การใช้งาน มากกว่าการอิงความเชื่อมั่นในเครดิต
รายงานยังวิเคราะห์ว่า บิตคอยน์กำลังเปิดฉากการแข่งขันระดับโลกกับสกุลเงินของประเทศต่าง ๆ อย่างตรงไปตรงมา เปรียบเสมือนที่ ‘อินเทอร์เน็ต’ เคยทำลายการผูกขาดของสื่อท้องถิ่น บิตคอยน์เองกำลังลดอำนาจควบคุมของรัฐบาลต่อเงินตรา และสร้าง ‘ความเชื่อมั่นไร้พรมแดน’ ที่ไม่ต้องพึ่งพาอำนาจรัฐ โดยมูลค่าของเงินจะไม่ขึ้นกับรัฐบาลอีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับ *ความน่าเชื่อถือของเครือข่าย*
สิ่งนี้นำไปสู่โครงสร้างอำนาจแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นแกนหลัก รายงานระบุว่า บิตคอยน์ไม่ได้เป็นแค่เทคโนโลยีชายขอบอีกต่อไป แต่กำลังผลักดันการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในเรื่อง ‘การจัดสรรความมั่งคั่ง’, ‘โครงสร้างรัฐบาล’ และ ‘สัญญาทางสังคมใหม่’ โดย *ความมั่งคั่งกำลังย้ายขั้ว* จากชนชั้นเจ้าของที่ดินและอำนาจการพิมพ์เงิน ไปสู่ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยี, นักลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน, และกลุ่มที่กล้ารับความเสี่ยง
ภายใต้ระบบใหม่นี้ รัฐบาลเองก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เพราะในโลกที่ไม่มีอำนาจธนาคารกลาง รัฐบาลจะต้องจัดสมดุลงบประมาณในรูปแบบ *มาตรฐานทองคำดิจิทัล* ซึ่งจะจำกัดการใช้จ่ายไม่ยั้งมือ หรือการทำสงครามที่ไม่มีหลักประกัน การกำกับใหม่จะขึ้นกับ *เกณฑ์จากสมการคณิตศาสตร์* มากกว่าตัวบุคคลหรือพรรคการเมือง
ที่สำคัญ CoinEasy เชื่อว่ารูปแบบของ ‘รัฐในอนาคต’ อาจกลายเป็น ‘รัฐเครือข่าย’ ซึ่งไม่มีพรมแดนทางกายภาพ แต่ขับเคลื่อนด้วยชุมชนที่มีค่านิยมร่วม ใช้ระบบทรัพย์สินเข้ารหัส และการบริหารด้วยสมาร์ตคอนแทรกต์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือเราอาจเข้าสู่ยุคของเมืองดิจิทัลนับพันแห่งที่แข่งขันกันดึงดูด ‘พลเมือง’
อย่างไรก็ดี รายงานเตือนว่า อนาคตดังกล่าวไม่อาจเกิดขึ้นได้เองโดยอัตโนมัติ เพราะยังมีอุปสรรคสำคัญ เช่น การปราบปรามนักพัฒนา, อันตรายจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่สามารถเจาะระบบรักษาความปลอดภัย, การรวมศูนย์ของกำลังประมวลผล, และการฝังซอฟต์แวร์อันตราย รวมถึงมาตรการเข้มงวดของรัฐต่อการครอบครองสินทรัพย์ ซึ่งอาจบั่นทอน *เสรีภาพตามธรรมชาติของบิตคอยน์*
เพื่อรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้ CoinEasy เสนอว่า ชุมชนต้องรวมพลังในระบบเครือข่ายแบบกระจายตัว โดยการเก็บรักษารหัสส่วนตัวอย่างปลอดภัย, การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ต้านทานการเซ็นเซอร์ และการเลือกรัฐหรือเขตปกครองที่เคารพในอธิปไตยของประชาชน ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างระบบใหม่บน *หลักการของบิตคอยน์*
ท้ายที่สุด CoinEasy สรุปว่า การผงาดขึ้นของบิตคอยน์ไม่ได้เป็นเพียงความสำเร็จในแวดวงการเงินเท่านั้น แต่นี่คือ *จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงทางอารยธรรมแบบลูกโซ่* ที่ครอบคลุมไปถึงเศรษฐกิจ, อำนาจรัฐ, และโครงสร้างของสังคม ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องตัดสินใจว่าจะก้าวเข้าสู่ยุคของ *เสรีภาพ, เทคโนโลยี และการกระจายอำนาจ* หรือถอยกลับไปสู่ระบบเดิมที่กำลังล่มสลาย
ความคิดเห็น 0