Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ไฟล์คอยน์(Filecoin) ลุยเต็มสูบสู่ยุค Web3 และ AI คาดโครงการแตะ 175 รายในปี 2025

ไฟล์คอยน์(Filecoin) ลุยเต็มสูบสู่ยุค Web3 และ AI คาดโครงการแตะ 175 รายในปี 2025 / Tokenpost

ไฟล์คอยน์(Filecoin) กำลังก้าวข้ามจากบทบาทเดิมในฐานะโปรโตคอลจัดเก็บข้อมูลแบบเย็น สู่การเป็น ‘โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสำคัญ’ สำหรับยุค Web3 และ AI ตามรายงานที่เผยแพร่โดยเมซซารี รีเสิร์ช(Messari Research) เมื่อวันที่ 24 พบว่า ภายในปี 2025 จะมีโครงการมากกว่า 175 โครงการที่ใช้งานบนไฟล์คอยน์ พร้อมระบุว่ากำลังเกิดการเปลี่ยนผ่านเฟรมเวิร์กในภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งสตอเรจ, ระบบคอมพิวต์ และการเงิน

ไฟล์คอยน์ถือกำเนิดช่วงปี 2014 โดยโปรโตคอลแล็บส์(Protocol Labs) บนพื้นฐานของ IPFS และได้เปิดตัวเมนเน็ตในปี 2020 หลังจากระดมทุน ICO กว่า 257 ล้านดอลลาร์ในปี 2017 เทคโนโลยีของระบบได้รับการขยายผ่านการเปิดใช้งานเครื่องเสมือน FVM (Filecoin Virtual Machine) ทำให้สามารถรองรับสมาร์ตคอนแทรกต์ และส่งเสริมให้ไฟล์คอยน์เติบโตจากระบบจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานไปสู่ ‘โครงสร้างพื้นฐานที่ตั้งโปรแกรมได้’ เหมือนบิตคอยน์(BTC) หรืออีเธอเรียม(ETH) โดยมีเมคานิซึมการพิสูจน์ข้อมูล เช่น การพิสูจน์การจำลอง, พิสูจน์ระยะเวลาและสถานที่ และการพิสูจน์การเป็นเจ้าของข้อมูล ที่ยกระดับความน่าเชื่อถือของเครือข่ายแบบไร้ศูนย์กลางอย่างชัดเจน

ในชั้นการเข้าถึงข้อมูล ไฟล์คอยน์ใช้โปรโตคอลออนแรมป์ เช่น อาคาเว(Akave), เบย์ซิน(Basin) และสโตราชา(Storacha) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงและค้นหาข้อมูลในระบบจัดเก็บแบบร้อน เมซซารีระบุว่า ภายในกลางปี 2025 โปรโตคอลเหล่านี้ได้ส่งข้อมูลกว่า 28,600 TiB โดยมีการทำธุรกรรมมากกว่า 950,000 รายการ และเริ่มมีการใช้งานจริงในกลุ่มข้อมูลที่มีรูปแบบชัดเจน เช่น ปัญญาประดิษฐ์, วิทยาศาสตร์, สาธารณสุข และภาคข้อมูลภาครัฐ

การเติบโตในมิติการเงินก็น่าจับตามอง โดย DeFi บนไฟล์คอยน์ขยายตัวรวดเร็วรอบศูนย์กลางของกลีฟ(Glif) พร้อมผลิตภัณฑ์ที่สร้างผลตอบแทนจาก FIL ผ่าน iFIL (โทเคนสร้างดอกเบี้ย) รวมถึง USDFC ที่เป็นสเตเบิลคอยน์อิง FIL ซึ่งทั้งสองผลิตภัณฑ์นั้น *เน้นทั้งประสิทธิภาพทางทุนและเสถียรภาพของราคา* โดยเฉพาะ USDFC ที่มีบทบาทสำคัญในโครงการ Fil+ และถูกใช้งานผ่าน SushiSwap และกระเป๋า Rabby

ในแง่ของโครงสร้างพื้นฐาน ไฟล์คอยน์ยังเชื่อมโยงกับระบบอื่น ๆ เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การเก็บข้อมูลเมตานั้นของ NFT ผ่าน NFT.Storage การเชื่อมต่อกับเชนเลเยอร์ 1 อื่น ๆ อย่างโซลานา(SOL), โฟลว์(Flow) และอาวาแลนเช(Avalanche) ตลอดจนโครงสร้างด้านการค้นหา เช่น ไททัน(Titan) และ FilCDN ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งต่อข้อมูล ทั้งนี้ บริการที่ใช้ข้อมูลระดับองค์กรและผู้บริโภค เช่น CIDGravity, ดีสโตร์(DeStor) และโกสต์ไดรฟ์(GhostDrive) ก็มีรูปแบบการประยุกต์ใช้งานที่หลากหลายมากขึ้นเช่นกัน

ไฟล์คอยน์ยังถูกใช้งานในบริบททางสังคมอย่างแพร่หลาย เช่น การร่วมมือกับ Internet Archive และมูลนิธิ Flickr เพื่อเก็บรักษาข้อมูลมรดกทางวัฒนธรรมดิจิทัลกว่า 500,000 รายการ และมีการเพิ่มขึ้นของข้อมูลในอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพและสาธารณสุขผ่านโปรแกรม Fil+ โดยจีนครองส่วนแบ่งข้อมูลรายวันสูงสุด ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย

สำหรับแผนในอนาคต เมซซารียังชี้ว่า ไฟล์คอยน์มีเป้าหมายจะพัฒนาระบบค้นหาให้ดียิ่งขึ้น (ผ่าน FilCDN และ Titan Network) ขยายโครงสร้าง ZK-Rollup และสนับสนุนเครื่องมือพัฒนา Web3 ที่เป็นมิตรขึ้น เช่น ND Labs, Nebula Block และ Twin Quasar ทั้งนี้ยังวางแผนขยายการใช้สมาร์ตคอนแทรกต์ผ่าน FEVM การเปิดใช้งานซับเน็ตด้วย IPC และการสร้างบริดจ์ครอสเชนกับ Squid Router, Celer และ Axelar เพื่อมุ่งสู่ *การเป็นแพลตฟอร์มข้อมูลแบบโมดูลาร์ที่มีประสิทธิภาพสูง*

โดยรวม ไฟล์คอยน์มีพัฒนาการที่โดดเด่นจากโปรโตคอลเลเยอร์เดียวแบบเฉพาะการจัดเก็บ สู่การเป็น *ระบบนิเวศน์หลายชั้น* ที่รวมคุณสมบัติของการจัดเก็บข้อมูล, สมาร์ตคอนแทรกต์, DeFi และการบริหารจัดการข้อมูลอย่างครบวงจร ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสัญญาณว่าไฟล์คอยน์กำลังสร้างตัวเองให้กลายเป็น ‘โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญ’ สำหรับยุคของความเป็นเจ้าของข้อมูลและ AI แบบเปิดอย่างชัดเจน

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1