แม้อีเธอเรียม(ETH)จะเผชิญความผันผวนและอ่อนตัวลงในระยะสั้น แต่แนวโน้มการปรับตัวขึ้นในระยะยาวยังคงถูกพูดถึงในวงกว้าง โดยนักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ว่า อีเธอเรียมอาจแตะระดับ 10,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.35 ล้านบาท) ในอนาคต แต่ก่อนหน้านั้นอาจต้องปรับฐานลึกลงอีกครั้ง
ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคาของอีเธอเรียมเคยร่วงลงไปที่ระดับ 3,200 ดอลลาร์ (ประมาณ 432,000 บาท) ก่อนดีดกลับขึ้นมาใกล้ระดับ 3,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 472,000 บาท) คิดเป็นการฟื้นตัวราว 4.5% ภายในวันเดียว อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนที่ผ่านมาราคาโดยรวมยังคงแสดงแนวโน้มขาลง
อลี มาร์ติเนซ นักวิเคราะห์สกุลเงินดิจิทัล ระบุว่า แม้ราคาอีเธอเรียมจะมีความผันผวน แต่ยังมีความเป็นไปได้ที่จะทะลุ 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 675,000 บาท) และอาจแตะ 10,000 ดอลลาร์ในที่สุด อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่า อาจต้องเผชิญการปรับฐานลงถึงระดับ 2,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 270,000 บาท) เพื่อสร้างจังหวะสำหรับการเติบโตระยะยาว
นักวิเคราะห์อีกคนที่ใช้ชื่อว่า CW กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้อีเธอเรียมกำลังทดสอบแนวต้านแข็งที่บริเวณ 3,450 ดอลลาร์ (ประมาณ 465,000 บาท) หากสามารถฝ่าผ่านไปได้ อาจมีโอกาสขยับขึ้นต่อไปสู่ระดับ 3,660 ดอลลาร์ (ประมาณ 494,000 บาท) และอาจทะยานสู่ 4,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 540,000 บาท)
แต่อุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตของอีเธอเรียมอาจอยู่ที่ ‘ETF ภาคพื้นฐาน’ หรือ ETF ที่ถืออีเธอเรียมจริงในสหรัฐ ซึ่งกำลังเผชิญกับกระแสเงินทุนไหลออกอย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลจากบริษัทข้อมูลตลาด ฟาร์ไซด์(FarSide) ระบุว่า ในช่วง 8 วันทำการที่ผ่านมา มีเงินทุนไหลออก 7 วันติดต่อกัน โดยเฉพาะในวันที่ 4 พฤศจิกายน มีเงินไหลออกกว่า 219.4 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,961 ล้านบาท) สำหรับสัปดาห์ดังกล่าวรวมทั้งหมดมีกระแสเงินทุนไหลออก 507.7 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6,849 ล้านบาท)
เงินทุนที่ไหลออกส่วนใหญ่มาจากกองทุน ETH ETF ของบริษัทจัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลกอย่างแบล็คร็อก โดยระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 5 พฤศจิกายน มีเงินไหลออกต่อเนื่อง และในวันที่ 5 พฤศจิกายนวันเดียว มีเงินไหลออกสุทธิ 146.6 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,979 ล้านบาท) แม้ในวันที่ 6 และ 8 พฤศจิกายน จะเริ่มมีเงินทุนบางส่วนไหลกลับมา แต่นักวิเคราะห์มองว่า ‘ยังไม่เพียงพอ’ ที่จะพลิกแนวโน้ม
ขณะเดียวกัน FETH ETF ของฟิเดลิตีก็เผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายกัน โดยเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนมีกระแสเงินออกถึง 72.2 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 974 ล้านบาท) ยิ่งตอกย้ำแนวโน้มอ่อนแรงของตลาด
โดยรวมแล้ว แม้อีเธอเรียมจะพยายามตีฝ่าแนวต้านเทคนิคเพื่อฟื้นตัว แต่หากแนวโน้มเงินทุนยังคงไหลออกจากตลาด ETF การขยับขึ้นอาจถูกจำกัด ในระยะยาว ความหวังในการแตะระดับ 10,000 ดอลลาร์ยังคงอยู่ แต่ต้องจับตาว่าจุดพักฐานที่ 2,000 ดอลลาร์จะเกิดขึ้นก่อนหรือไม่ ซึ่งเป็น ‘ช่วงปรับฐานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้’ ตามความเห็นของนักวิเคราะห์หลายราย
ความคิดเห็น 0