สัญญาสำหรับการฝากสเตกในบล็อกเชนอีเธอเรียม(ETH) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารจัดการระบบ Proof of Stake (PoS) กำลังถือครองเหรียญ ETH มากถึง 60% ของปริมาณหมุนเวียนทั้งหมด ตามข้อมูลล่าสุดจากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลออนเชนอย่างอาร์คัม(Arkham)
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) อาร์คัมเปิดเผยว่า ที่อยู่ที่ถือครอง ETH มากที่สุดในเวลานี้ไม่ใช่กระดานเทรดหรือบริษัทผู้จัดตั้ง ETF แต่เป็น *สัญญาสำหรับฝากเหรียญในบีคอนเชน (ETH2 Deposit Contract)* ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายอีเธอเรียมผ่านกลไก PoS โดยขณะนี้ สัญญาดังกล่าวกำลังถือครองเหรียญมากกว่า 72.4 ล้าน ETH คิดเป็นมูลค่าประมาณ 252 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 341 ล้านล้านวอน
หากมองในกลุ่มกระเป๋าส่วนบุคคล ผู้ถือ ETH รายใหญ่ที่สุดคือ เรน โลห์มุส(Rain Lohmus) ผู้ก่อตั้งธนาคาร LHV ของเอสโตเนีย โดยเขาได้ลงทุนราว 75,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงพรีเซลเมื่อปี 2014 เพื่อแลกกับ 250,000 ETH อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถเข้าถึงทรัพย์สินนั้นได้เนื่องจากทำ *คีย์ส่วนตัวหาย* โดยที่มูลค่าขณะนี้พุ่งสูงถึงราว 871 ล้านดอลลาร์
ในอันดับถัดมาคือ วีทาลิก บูเทอริน(Vitalik Buterin) ผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม ซึ่งถือครองประมาณ 240,000 ETH หรือราว 840 ล้านดอลลาร์
ด้านนักลงทุนสถาบันและกระดานเทรดใหญ่ ๆ ก็ถือครอง ETH ในระดับมหาศาลเช่นกัน โดยไบแนนซ์มีอยู่ประมาณ 4.09 ล้านเหรียญ ขณะที่แบล็คร็อกถืออยู่ราว 3.94 ล้านเหรียญผ่านกองทุน ETF ในชื่อ iShares Ethereum Trust ส่วนคอยน์เบสถืออยู่ราว 3.5 ล้าน ETH ผ่านหลายกระเป๋า โดยรวมถึงสินทรัพย์สำรองของโทเคน cbETH
สถาบันอื่นที่ถือครอง ETH อาทิ อัปบิต, โรบินฮูด, คราเคน, OKX และบิตฟิเน็กซ์ ต่างก็ถือครองในปริมาณสูงเช่นกัน นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ยังถือครองราว 60,000 ETH ที่ถูกยึดจากอาชญากรรมไซเบอร์ เช่น คดีของโพตาเพนโก/ตูโรกิน และเหตุการณ์แฮกบิตฟิเน็กซ์
ETH ที่ถูกขโมยผ่านการแฮกยังคงมีการเคลื่อนไหวอยู่ในระบบ โดยตัวอย่างเช่น กระเป๋าที่เกี่ยวข้องกับการแฮกของเกตคอยน์ในปี 2016 ยังคงถือครอง ETH อยู่มากกว่า 156,000 เหรียญ นอกจากนี้ ETH ปริมาณมากยังถูกล็อกไว้อยู่ในระบบอินฟราสตรักเจอร์ เช่น สัญญาแรป WETH ที่มีอยู่ราว 2.2 ล้านเหรียญ อาร์บิทรัม(Arbitrum) ที่มีอยู่ 833,000 เหรียญ และเบส(Base) ที่ถืออยู่ 723,000 เหรียญ
*ความคิดเห็น:* การวิเคราะห์จากอาร์คัมในครั้งนี้ ถือเป็นการชี้ให้เห็นถึง ‘ผู้ถือรายใหญ่’ ที่แท้จริงในระบบนิเวศของอีเธอเรียม โดยเฉพาะบทบาทของโครงสร้างพื้นฐานและสถาบันที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งอาจบ่งบอกถึงกระบวนการ ‘กลายเป็นระบบสถาบัน’ ของอีเธอเรียม ทั้งในด้านความปลอดภัยของเครือข่ายและความมั่นคงของสภาพคล่องในตลาด
ความคิดเห็น 0