บริษัทร่วมลงทุนระดับโลกอย่างเม็กซีเวนเจอร์ส(MEXC Ventures) เผยแพร่บทวิเคราะห์ล่าสุด โดยชี้ให้เห็นว่า ความผันผวนในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีที่เน้น ‘อุตสาหกรรม AI’ กำลังส่งผลโดยตรงต่อทิศทางราคา *บิตคอยน์(BTC)* และกดดันบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ความกังวลเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าที่สูงเกินจริงของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญ ส่งผลให้ตลาดเข้าสู่ช่วงของการประเมินเชิงโครงสร้างใหม่
เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา *บิตคอยน์(BTC)* ร่วงต่ำสุดตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยราคาลดลงต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์อีกครั้ง เช่นเดียวกับดัชนีหลักของวอลล์สตรีท อย่าง S&P500 และแนสแด็กที่ปรับตัวลงเกือบ 2% รายงานของเม็กซีเวนเจอร์สระบุว่า แนวโน้มเหล่านี้สะท้อนถึงกระแส ‘ย้ายเงินทุน’ อย่างกว้างขวาง หลังจากที่ตลาดเคยมีพฤติกรรมเสี่ยงจากความร้อนแรงของ AI อย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในปัจจัยกดดันตลาดคือ ‘แนวคิดฟองสบู่ของ AI’ นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความมั่นคงของมูลค่าที่เพิ่มขึ้นเร็วเกินไป เช่น หุ้น *เอ็นวิเดีย(Nvidia)* และ *พาลานเทียร์(Palantir)* ที่ปรับลดลงหลายเปอร์เซ็นต์ในช่วงสั้นๆ หลังจากพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง *ความคิดเห็น* จากเม็กซีเวนเจอร์สเปรียบเทียบสถานการณ์ปัจจุบันกับฟองสบู่ดอตคอมเมื่อปี 2000 พร้อมเตือนถึงแนวโน้มนักลงทุนที่เริ่มเทขายสินทรัพย์เทคโนโลยีที่มีการประเมินมูลค่าสูง
ขณะเดียวกัน บริษัทยักษ์ใหญ่ในแวดวงการเงินก็ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงของตลาดเช่นกัน *เดวิด โซโลมอน* ซีอีโอของโกลด์แมนแซคส์ คาดว่าตลาดหุ้นอาจปรับฐานราว 20% ในหนึ่งถึงสองปีข้างหน้า ส่วน *เท็ด พิก* แห่งมอร์แกนสแตนลีย์ เผยว่าตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงขาลงที่ขับเคลื่อนด้วยจิตวิทยาการลงทุน ซึ่งความเห็นเหล่านี้สะท้อนผ่านดัชนีตลาดและเปิดเผยความไวต่อเศรษฐกิจมหภาคและผลประกอบการบริษัท
ความหวาดระแวงต่ออนาคตของ *อุตสาหกรรม AI* ไม่เพียงส่งผลต่อราคาหุ้น แต่ยังกระทบต่อแนวโน้มการไหลเวียนของเงินลงทุน ผู้เล่นในตลาดเริ่มทยอยย้ายเงินไปยังสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลที่กลับมาได้รับความนิยมท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยสูง อีกทั้งสกุลเงินปอนด์อังกฤษยังอ่อนค่าจากความไม่แน่นอนทางนโยบายการเงิน การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่า กลยุทธ์การกระจายการลงทุนเข้าสู่ยุคใหม่ที่เน้นความปลอดภัยมากขึ้น กดดันสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึง *คริปโตเคอร์เรนซี* อย่างชัดเจน
นอกจากแรงกดดันภายนอกแล้ว ความเชื่อมั่นต่อพื้นฐานของ *AI* ก็เริ่มสั่นคลอน *ไมเคิล เบอร์รี่* นักลงทุนจากภาพยนตร์ ‘The Big Short’ วางเดิมพันชอร์ตต่อหุ้นกลุ่ม AI มูลค่ากว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความสงสัยในเรื่องการประเมินมูลค่าที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ยิ่งกว่านั้น รายงานจาก MIT เผยว่า 95% ของการลงทุนในบริษัท AI ยังไม่สามารถสร้างผลกำไรได้จริง *ความคิดเห็น* นี้ทำให้ภาพรวมตลาดยิ่งเปราะบาง
เม็กซีเวนเจอร์สมองว่า ในช่วงต่อไป ตลาดจะเริ่มประเมินสินทรัพย์เทคโนโลยีจาก *ความสามารถในการทำกำไร* และ *ความมั่นคงของกระแสเงินสด* แทนการเน้นเพียงแนวคิดการเติบโต ขณะเดียวกัน การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐยังคงระมัดระวังต่อการลดดอกเบี้ย ส่งผลให้การหาเงินทุนยังคงมีความท้าทาย นั่นหมายความว่า *บิตคอยน์* และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ จะยังคงตอบสนองต่อปัจจัยมหภาคอย่างใกล้ชิด จึงจำเป็นที่นักลงทุนต้องวางกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงและปรับพอร์ตอย่างรอบคอบ
โดยรวมแล้ว การปรับฐานในครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้ตลาดกลับมาทบทวนความเสี่ยงของ ‘เทคโนโลยีล้ำสมัย’ ที่อาจถูกประเมินเกินจริง ผลกระทบต่อ *คริปโต* และตลาดดั้งเดิมมีความเกี่ยวข้องกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความสามารถในการแสดงผลกำไรจริงของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะกลายเป็นปัจจัยชี้วัดว่าตลาดจะฟื้นตัวได้หรือไม่ ถึงเวลาแล้วที่นักลงทุนควรลดความคาดหวังที่เกินตัว และหันกลับมาวางกลยุทธ์จากพื้นฐานที่แท้จริงของธุรกิจ
ความคิดเห็น 0