นักลงทุนยุคแรกของบิตคอยน์(BTC) เริ่มทยอยขายสินทรัพย์ที่ถือครอง และหันไปลงทุนผ่านช่องทางกองทุน ETF แทน จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการปรับโครงสร้างพอร์ตโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระจายความเสี่ยงในแนวทางของสินทรัพย์แบบกระจายศูนย์โดยใช้เครื่องมือการลงทุนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล
มาร์ติน ฮิสโบก(Martin Hiesboeck) หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Uphold แพลตฟอร์มบริการการเงินบนคลาวด์ กล่าวว่า "เหตุผลแรกที่นักลงทุนบิตคอยน์รายเดิมขายสินทรัพย์ออกมาก็เพื่อซื้อคืนผ่านกองทุน ETF เนื่องจากในปัจจุบัน ETF ในสหรัฐฯ ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่สูงมาก จึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ"
ฮิสโบกยังกล่าวเสริมอีกว่า "เหตุผลที่สองคือมุมมองที่เปลี่ยนไปว่า ‘บล็อกเชน’ คือเทคโนโลยีแท้จริงที่สร้างนวัตกรรม ไม่ใช่แค่เพียงบิตคอยน์เท่านั้น" เขาอธิบายว่าปัจจุบันเทคโนโลยี ‘บล็อกเชน’ ถูกนำไปใช้จริงในหลากหลายอุตสาหกรรม และยังมีโปรเจกต์อีกมากที่มีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าการถือบิตคอยน์ พร้อมระบุว่า “บิตคอยน์ยังขาดกรณีการใช้งานจริงในระดับกว้าง”
แนวโน้มนี้ยังสะท้อนผ่านพฤติกรรมของนักเทรดกลุ่มแรกอย่างโอเวน กันเดน(Owen Gunden) ผู้เคยทำกำไรจากการ Arbitrage บิตคอยน์ โดยเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้โอนสินทรัพย์ทั้งหมด รวมถึงบิตคอยน์กว่า 11,000 BTC เข้าไปยังตลาดคริปโต ตามข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลออนเชน Lookonchain พบว่า จำนวน 3,549 BTC ครั้งสุดท้าย ถูกโอนออกไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
การที่บิตคอยน์สามารถซื้อขายในรูปแบบ ETF และอยู่ภายใต้กรอบทางกฎหมายของสหรัฐฯ กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงในแนวทางจัดการสินทรัพย์ของนักลงทุนที่เคยถือครองระยะยาว ส่งผลให้ความสนใจอาจขยับไปสู่โครงสร้างของเทคโนโลยีและความเป็นไปได้ในการใช้งานจริงของแต่ละโครงการในอนาคต โดย ‘ความคิดเห็น’ นี้ชี้ว่าทิศทางการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลจะยิ่งจำแนกรายละเอียดและเน้นคุณค่าสินทรัพย์มากขึ้น
ความคิดเห็น 0