บิตคอยน์(BTC) พุ่งทะลุแนวต้านสำคัญอีกครั้ง โดยทะยานแตะระดับ 106,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 14.3 ล้านบาท) ท่ามกลางความคาดหวังเกี่ยวกับการยุติวิกฤต ‘ชัตดาวน์’ ของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งกระตุ้นแรงซื้อในตลาดอย่างรุนแรง
เมื่อวันที่ 10 ตามเวลาท้องถิ่น CoinGecko รายงานว่าบิตคอยน์(BTC) พุ่งขึ้นสูงสุดระหว่างวันที่ 106,437 ดอลลาร์ (ประมาณ 14.34 ล้านบาท) ถือเป็นการทำจุดสูงสุดระยะสั้นครั้งใหม่ แรงหนุนหลักมาจากรายงานว่า *วุฒิสภาสหรัฐ* เริ่มเดินหน้ากระบวนการผ่านร่างงบประมาณเพื่อยุติการชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยร่างกฎหมายที่ติดค้างถูกผ่านด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 60 ต่อ 40 ซึ่งช่วย *พลิกฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน*
สหรัฐเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลกลางหลายแห่ง รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(SEC) ต้องหยุดชะงักการดำเนินงาน หนึ่งในประเด็นขัดแย้งคือการเจรจาเรื่องงบประมาณด้านสวัสดิการที่พรรคเดโมแครตต้องการต่ออายุ ขณะที่พรรครีพับลิกันยังคงคัดค้าน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการอนุมัติ ETF อย่างมีนัยสำคัญ
ท่ามกลางสถานการณ์คลี่คลาย ความคาดหวังเกี่ยวกับ ‘ETF แบบสินทรัพย์จริง (Spot ETF)’ จึงเริ่มกลับมาอีกครั้ง โดย *เนท เจราซี(Nate Geraci)* นักวิเคราะห์ด้าน ETF กล่าวว่า “การที่รัฐบาลกลับมาเปิดทำการนับเป็นจุดเริ่มต้นของการอนุมัติ Spot ETF อย่างเต็มรูปแบบ” พร้อมเสริมว่าอาจเห็นการอนุมัติ *ETF สำหรับริปเปิล(XRP)* เป็นครั้งแรกภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ปี 1933 ภายในสัปดาห์นี้
แม้ช่วงชัตดาวน์ที่ผ่านมา SEC ดำเนินงานด้วยกำลังพลขั้นต่ำและไม่สามารถดำเนินการอนุมัติตามขั้นตอนปกติได้ แต่มี ETF บางรายการที่ได้รับสถานะมีผลอัตโนมัติตามข้อบังคับ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า ‘กระแสการอนุมัติ’ อย่างเป็นทางการน่าจะเริ่มหลังจากหน่วยงานกลับมาทำงานตามปกติ
ก่อนหน้านี้ บิตคอยน์(BTC) เคยทำสถิติสูงสุดถึง 126,080 ดอลลาร์ (ประมาณ 17.08 ล้านบาท) ในช่วงต้นเดือนตุลาคม เมื่อเริ่มเข้าสู่สภาวะชัตดาวน์ แต่ราคากลับปรับฐานจากแรงขายหลังความไม่แน่นอนทางการเมืองยืดเยื้อ กระทั่งล่าสุดเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงชัดเจน ราคาก็ฟื้นตัวอย่างรุนแรง
นักลงทุนประเมินว่า การผ่อนคลายความเสี่ยงทางการเมืองของสหรัฐควบคู่กับความคาดหวังต่อ ETF จะช่วยหนุน *ตลาดคริปโตโดยรวมในเชิงบวก* แม้ในระยะสั้นตลาดอาจเผชิญความผันผวนเพิ่มขึ้น แต่ในระยะยาวสัญญาณเหล่านี้อาจเป็นก้าวสำคัญในการพา *สินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่ภาคการเงินกระแสหลัก* อย่างลึกซึ้งมากขึ้น
ความคิดเห็น 0