กรมสรรพากรสหรัฐฯ (IRS) ได้ปรับปรุงแนวทางเกี่ยวกับกองทุนรวมซื้อขายคริปโต (ETP) โดยเพิ่มเงื่อนไข ‘เซฟ ฮาร์เบอร์’ ให้กับบริษัททรัสต์ เพื่อนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ในกิจกรรม ‘สเตกกิ้ง’ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 3 แซม เบสเซนต์ (Scott Besent) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ โพสต์บนแพลตฟอร์ม X ระบุว่า "แนวทางใหม่นี้ได้เปิดเส้นทางที่ชัดเจนให้กองทุน ETP ของคริปโตสามารถทำสเตกกิ้ง และแบ่งปันรางวัลที่ได้รับกับนักลงทุนรายย่อยได้" โดยประกาศดังกล่าวอ้างอิงจากเอกสารแนะแนวอย่างเป็นทางการ (RP-25-31) ที่จัดทำร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลังและกรมสรรพากร
ตามเนื้อหาในแนวทางใหม่ กองทุนรวมคริปโตที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ หากมีโครงสร้างที่ตรงตามเกณฑ์ จะสามารถเข้าร่วมกิจกรรมสเตกกิ้งได้ โดยต้องเป็นกองทุนที่ถือ ‘เงินสด’ และ ‘สินทรัพย์ดิจิทัลประเภทเดียว’ เท่านั้น ทรัพย์สินจะต้องถูกเก็บรักษาโดยผู้ดูแลทรัสต์ที่ได้รับการรับรอง และต้องมีมาตรการลดความเสี่ยงเพื่อคุ้มครองนักลงทุน หากตรงตามเกณฑ์เหล่านี้ กองทุนจะได้รับสถานะ ‘เซฟ ฮาร์เบอร์’ ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีประเด็นด้านกฎหมายเกี่ยวกับการกระจายผลตอบแทนจากสเตกกิ้งให้กับผู้ลงทุน
ก่อนหน้านี้กองทุน ETP คริปโตในสหรัฐฯ มักไม่รวมกิจกรรมสเตกกิ้ง เนื่องจากมีความไม่แน่นอนทางกฎหมายเกี่ยวกับการแบ่งปันผลตอบแทน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับผู้ดูแลสินทรัพย์ แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้เปิดช่องให้สเตกกิ้งกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนในกองทุนอย่างเป็นทางการ
แนวทางใหม่ถูกเปิดเผยในช่วงที่ตลาดกองทุน ETF บิตคอยน์(BTC) กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมีการแข่งขันลดค่าธรรมเนียมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายฝ่ายมองว่า หากมีการอนุมัติ ETF อีเธอเรียม(ETH) ในอนาคต การอนุญาตให้สเตกกิ้งน่าจะส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของกองทุนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเครือข่ายของอีเธอเรียมใช้ระบบ ‘หลักฐานการถือครอง’ หรือ Proof-of-Stake(PoS) ซึ่งสเตกกิ้งเป็นองค์ประกอบหลักในการดำเนินงาน
*ความคิดเห็น* การปรับปรุงกฎระเบียบครั้งนี้น่าจะส่งผลเชิงบวกต่อการออกแบบและบริหารจัดการกองทุนทรัสต์คริปโต ไม่เพียงแต่ดึงดูดนักลงทุนสถาบัน แต่ยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยเข้าร่วมในระบบนิเวศของสเตกกิ้งมากขึ้นอีกด้วย
ความคิดเห็น 0