คณะกรรมาธิการเกษตรวุฒิสภาสหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยร่างกฎหมายว่าด้วยโครงสร้างตลาดของคริปโต หลังจากการหารือมาอย่างยาวนาน ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้การออกกฎหมายควบคุมคริปโตโดยสภาคองเกรสเข้าใกล้ความเป็นจริงเข้าไปอีกขั้น
ร่างกฎหมายฉบับนี้เสนอร่วมโดยวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน จอห์น บูสแมน และวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต โครี บุคเกอร์ ซึ่งเอกสารบางส่วนยังคงอยู่ในวงเล็บเพื่อแสดงว่ายังอยู่ระหว่างหารือ ร่างดังกล่าวให้ความสำคัญกับการแบ่งเขตอำนาจอย่างชัดเจนระหว่างคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า(CFTC) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ(SEC) โดยย้ำว่า ‘การกำหนดกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจน’ เป็นสิ่งที่มีเพียงสภาคองเกรสเท่านั้นที่สามารถทำได้
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายยังสะท้อนถึงความต่อเนื่องจากยุครัฐบาลทรัมป์ ซึ่งเน้นแนวทางผ่อนคลายข้อกำกับดูแล ส่งผลให้ CFTC และ SEC พยายามออกแนวทางแยกกันเพื่อควบคุมบริษัทคริปโตมาโดยตลอด
วุฒิสมาชิกบูสแมนกล่าวว่า “การซื้อขายสินค้าดิจิทัลในตลาดสปอต ควรอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ CFTC” พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า “เราจำเป็นต้องวางกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต ซึ่งเป็นตลาดเกิดใหม่ และสร้างหลักประกันในการปกป้องผู้บริโภค” ด้านวุฒิสมาชิกบุคเกอร์ก็ให้ความเห็นว่า “กฎหมายฉบับนี้จะมอบอำนาจและทรัพยากรใหม่แก่ CFTC เพื่อดูแลตลาดสินค้าดิจิทัลในตลาดสปอต พร้อมเสนอการคุ้มครองนักลงทุนรายย่อยเพิ่มเติม”
ในร่างยังมีการนิยามคำสำคัญในวงการคริปโต เช่น ‘บล็อกเชน’, ‘การเงินแบบกระจายศูนย์(DeFi)’ และ ‘องค์กรอิสระที่กระจายศูนย์(DAO)’ และเสนอแนวทางในการกำกับดูแลในกรอบของกฎหมายว่าด้วยการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งนี้ หลายประเด็นยังอยู่ในรูปแบบข้อเสนอชั่วคราว และอาจถูกปรับแก้ในอนาคต
ในขณะที่พรรคเดโมแครตมีความเห็นแย้งโดยระบุในร่างกฎหมายว่า ‘บทบาทของคณะกรรมาธิการเกษตรฯ อาจไม่ครอบคลุมเรื่องทั้งหมด’ โดยเสนอว่าบางประเด็นควรอยู่ภายใต้การพิจารณาของคณะกรรมาธิการธนาคารวุฒิสภา พร้อมเรียกร้องให้มีการหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำกับดูแลนักพัฒนาบล็อกเชนและผู้ให้บริการคริปโต
แม้จะยังอยู่ในขั้นต้น แต่ร่างกฎหมายนี้สะท้อนให้เห็นว่า ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับกฎการควบคุมคริปโตในสหรัฐฯ กำลังถูกจับต้องจริงในสภาคองเกรสมากขึ้น ขณะที่แนวทางที่ให้ความสำคัญกับ CFTC เป็นศูนย์กลางในการกำกับดูแล นับว่า *เป็นแนวทางที่อุตสาหกรรมคริปโตต้องการมาโดยตลอด* และมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นจุดสนใจหลักในการอภิปรายครั้งต่อไปในรัฐสภาสหรัฐฯ
ความคิดเห็น 0