เจพีมอร์แกน(JPM) เปิดตัว 'โทเคนเงินฝากดิจิทัล' ในนาม เจพีเอ็ม คอยน์(JPMD) บนเครือข่ายเลเยอร์ 2 ของ Coinbase ที่มีชื่อว่า ‘เบส(Base)’ โดยผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ได้รับความสนใจจากการที่สถาบันการเงินระดับโลกเริ่มเร่งพัฒนาเทคโนโลยีการชำระเงินบนบล็อกเชน พร้อมชูจุดแข็งด้าน *ความสามารถในการสร้างรายได้* ซึ่งแตกต่างจากสเตเบิลคอยน์ทั่วไป
เมื่อวันที่ 24 ตามรายงานของ Bloomberg ระบุว่า JPMD เป็นสินทรัพย์ที่เกิดจากการโทเคนฝากเงินแบบดั้งเดิม โดยผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมแบบ *เรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง* ผ่านเครือข่ายเบส ต่างจากระบบธนาคารปกติที่จำกัดเวลาเฉพาะในวันทำการ นอกจากนี้ JPMD ยังผ่านการทดสอบกับมาสเตอร์การ์ด, Coinbase และ B2C2 ก่อนนำมาใช้งานจริง ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนยังมีแผนเปิดตัว ‘JPME’ ซึ่งเป็นเวอร์ชันสกุลเงินยูโรในอนาคตอันใกล้
นาวิน มัลเรลลา(Naveen Mallela) ผู้ร่วมก่อตั้ง Kinexys ซึ่งเป็นฝ่ายพัฒนาบล็อกเชนของเจพีมอร์แกน ระบุว่า “JPMD ดำเนินงานภายใต้ *กรอบกฎหมายการเงินที่เคร่งครัดกว่า* สเตเบิลคอยน์ และให้โอกาสในการเกิดรายได้จากดอกเบี้ย จึงเหมาะกับลูกค้าสถาบันอย่างยิ่ง” พร้อมกล่าวต่อว่าจะมีการขออนุมัติเพิ่มเติมจากหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อขยายบริการไปยังสกุลเงินอื่น รวมถึงเชื่อมต่อกับเครือข่ายบล็อกเชนเพิ่มเติมในอนาคต
สำหรับ 'โทเคนเงินฝาก' นั้น เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ และใช้หลักการเปลี่ยนเงินฝากแบบเดิมให้เป็นโทเคนบนบล็อกเชน ทำให้การไหลเวียนของเงินในระบบมี *ประสิทธิภาพและความโปร่งใส* ยิ่งขึ้น โดยแตกต่างจากสเตเบิลคอยน์ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอย่างพันธบัตรรัฐบาล โทเคนเงินฝากจะยึดตามยอดเงินที่ฝากอยู่จริง ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ *ผู้ถือได้รับดอกเบี้ยตอบแทน*
เจพีมอร์แกนถือเป็นหนึ่งใน *ธนาคารเพื่อการลงทุนที่เดินหน้าในวงการสินทรัพย์ดิจิทัล* มากที่สุด ปัจจุบัน Kinexys Network ของบริษัทรองรับการโอนเงินด้วยดอลลาร์สหรัฐ ยูโร และปอนด์ โดยประมวลผลธุรกรรมได้มากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1 แสนล้านบาท) ต่อวัน แม้ยังเทียบไม่ได้กับระบบธนาคารเดิมที่มียอดธุรกรรมเฉลี่ยวันละราว 10 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ก็สะท้อนถึงศักยภาพของบล็อกเชนในตลาดการเงิน
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนยังเคยร่วมมือกับ Coinbase เมื่อต้นปี ในการเปิดฟีเจอร์เติมเงินจากบัตรเครดิตของบริษัทเข้าสู่บัญชีซื้อขายคริปโต พร้อมกับที่กลุ่มธนาคารใหญ่อย่างซิตี้กรุ๊ป, ธนาคารซันทันแดร์, ดอยท์เชอแบงก์ และเพย์พาล ก็เร่งพัฒนา *โครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินดิจิทัล* เช่นกัน ซึ่งเป็นสัญญาณว่า *การแข่งขันในตลาดเทคโนโลยีการเงิน* จะรุนแรงขึ้นอีกในเร็วๆ นี้
ความคิดเห็น 0