วงการคริปโตกำลังก้าวเข้าสู่ช่วง ‘เติบโตเต็มที่’ ด้วยความพยายามในการผสมผสาน ‘ความเป็นมิตรกับกฎระเบียบ’ และ ‘การใช้งานได้จริง’ ที่เข้มข้นขึ้น อุตสาหกรรมซึ่งเริ่มต้นจากอุดมการณ์ ‘การกระจายอำนาจ’ และ ‘นวัตกรรมทางการเงิน’ นี้ กำลังเปลี่ยนทิศทางเพื่อเชื่อมโยงกับนักลงทุนสถาบันและระบบการเงินแบบดั้งเดิมผ่าน *โครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสาร* ที่ปลอดภัยและเป็นทางการมากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ ผู้ก่อตั้งโครงการคริปโตหลายรายเคยประกาศว่า พวกเขากำลังสร้างระบบการเงินใหม่ขึ้นมา แต่บริการจำนวนมากในวงการยังไม่สามารถตอบสนองเงื่อนไขของหน่วยงานกำกับดูแลได้ ส่งผลให้การมีส่วนร่วมของสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมนั้นยัง ‘จำกัด’ โดยเฉพาะธนาคาร, ห้องค้าตราสารนอกตลาด (OTC), และนักลงทุนสถาบันที่ติดขัดกับปัญหาด้าน *การปฏิบัติตามกฎระเบียบ* เมื่อใช้เครื่องมือสื่อสารทั่วไปอย่าง เทเลแกรม หรือ X ที่แม้จะได้รับความนิยมในวงการ แต่ก็มีช่องโหว่เรื่องความปลอดภัย, สแปม, ฟิชชิ่ง และการปลอมตัว อีกทั้งไม่สามารถใช้สร้าง ‘บันทึกทางการอย่างเป็นทางการ’ ได้
หนึ่งในกรณีที่ตอกย้ำปัญหานี้คือ เจพีมอร์แกน(JPM) ซึ่งเมื่อปี 2021 ถูกทางการสหรัฐฯ ปรับเป็นเงิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,700 ล้านบาท) จากการที่พนักงานใช้ WhatsApp และบัญชีส่วนตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการกำกับดูแล เหตุการณ์นี้จึงเหมือนเสียงเตือนให้บริษัทคริปโตตระหนักว่า การใช้เครื่องมือสื่อสารที่ ‘ไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่สามารถตรวจสอบได้’ อาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการเข้าถึงตลาดสถาบันในอนาคต
เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ บริษัทแพลตฟอร์มข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง ‘เดอะไท(The Tie)’ ได้เปิดตัว *Bridge* แพลตฟอร์มส่งข้อความรูปแบบใหม่ ซึ่งออกแบบมาให้ *เชื่อมต่อโดยตรงกับระบบตรวจสอบแบ็คออฟฟิศ* ที่สถาบันการเงินใช้ เช่น Global Relay นอกจากนี้ โจช ฟรังค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเดอะไท ย้ำว่า “สถาบันไม่สามารถเสี่ยงทำงานในห้องแชตที่ไม่อาจพิสูจน์ตัวตนของคู่สนทนาได้อีกต่อไป” พร้อมกล่าวว่า “เราจำเป็นต้องเลิกพึ่งพาแพลตฟอร์มที่ไม่สามารถรองรับแม้แต่กฎระเบียบพื้นฐานได้แล้ว”
Bridge มาพร้อมกับการยืนยันโดเมนอีเมล, การตรวจสอบนิติบุคคล (KYB) และการยืนยันตัวตนผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด เพื่อ ‘กันบุคคลไม่พึงประสงค์’ ออกจากระบบ พร้อมทั้งรองรับการส่งข้อความระหว่างสถาบันอย่างปลอดภัย เมลวิน เต็ง CEO ของบริษัทลงทุนสัญชาติสิงคโปร์ QCP กล่าวถึงแพลตฟอร์มนี้ว่า “หน่วยงานกำกับดูแลต้องการให้คุณรู้จักคู่สนทนา, สร้างบันทึก และเก็บบทสนทนาอย่างตรวจสอบได้ – Bridge ทำให้ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ แม้ในยุคดิจิทัล”
ฟรังค์ยังเน้นว่าระบบของ Bridge ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานแบบทีม เพราะสามารถจัดการช่องทางสื่อสารแบบรวมศูนย์ได้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงพนักงาน ก็สามารถโอนถ่ายประวัติการสนทนาและบริหารช่องทางได้ง่าย ไม่ต้องสร้างใหม่ทุกครั้ง “ไม่ต้องยุ่งยากจัดการห้องแชตทีละเจ้าเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป” เขาระบุ
Bridge ยังบันทึกข้อมูลทั้งหมดโดยอัตโนมัติ เช่น สถานะการทำธุรกรรม, เวลาในการรับส่งข้อความ และข้อมูลบัญชี – ซึ่งจะถูกจัดเก็บเป็นบันทึกพร้อม Time-stamp ทั้งหมดนี้ใช้งานได้ในระดับองค์กร และยังสามารถใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลได้ เช่น หากค้นหาว่า “บริษัท custody ในสิงคโปร์ที่ระดมทุนได้เกิน 10 ล้านดอลลาร์ใน 2 ปีที่ผ่านมา” ระบบจะดึงรายชื่อขึ้นมาให้พร้อมส่งข้อความถึงได้ทันที
Bridge มีกำหนดเปิดตัวช่วงต้นปี 2026 โดยจะมีทั้งเวอร์ชันเว็บ, เดสก์ท็อป, iOS และ Android ราคาการใช้งานอยู่ที่ 5 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,750 บาท) ต่อผู้ใช้ต่อเดือน ซึ่งตั้งใจให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย ฟรังค์ปิดท้ายว่า “เราสร้างแพลตฟอร์มนี้เพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่า ‘ต้องมี’ และเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการผลักดันให้ *อุตสาหกรรมคริปโตกลายเป็นเสาหลักของระบบการเงินโลก* ได้ในที่สุด”
ความคิดเห็น 0