Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ธุรกรรม ธอร์เชน(THORChain) พุ่งทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ ท่ามกลางข้อกังวลเรื่องฟอกเงินจากแฮ็กไบบิท(Bybit)

Thu, 27 Feb 2025, 17:28 pm UTC

ธุรกรรม ธอร์เชน(THORChain) พุ่งทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ ท่ามกลางข้อกังวลเรื่องฟอกเงินจากแฮ็กไบบิท(Bybit) / Tokenpost

โปรโตคอลแลกเปลี่ยนครอสเชน ‘ธอร์เชน(THORChain)’ มียอดทำธุรกรรมพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งถูกวิเคราะห์ว่าเกี่ยวข้องกับความพยายามในการฟอกเงินหลังเหตุการณ์แฮ็กกระดานเทรดคริปโต ‘ไบบิท(Bybit)’

ตามข้อมูลจากแดชบอร์ดของธอร์เชน ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ โปรโตคอลนี้ได้ดำเนินการแลกเปลี่ยนมูลค่ากว่า 859.61 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.23 ล้านล้านวอน) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และในวันถัดมายังมีธุรกรรมเพิ่มอีกกว่า 210 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.02 แสนล้านวอน) ทำให้ภายใน 48 ชั่วโมง ยอดธุรกรรมรวมทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.44 ล้านล้านวอน)

ธอร์เชนเป็นโปรโตคอลที่รองรับการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ข้ามบล็อกเชนโดยตรง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยน ‘อีเธอเรียม(ETH)’ เป็น ‘บิตคอยน์(BTC)’ หรือสินทรัพย์อื่นๆ ได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ก็อาจถูกใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ทำให้ติดตามเส้นทางของเงินที่ถูกแฮ็กได้ยากขึ้น ตัวอย่างเช่น กลุ่มแฮ็กเกอร์ที่เชื่อมโยงกับเกาหลีเหนืออย่าง ‘ลาซารัส กรุ๊ป(Lazarus Group)’ เคยใช้การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์เป็นบิตคอยน์เพื่อเพิ่มความเป็นนิรนามให้กับเงินที่ได้มาโดยมิชอบ

แม้ว่าธุรกรรมในแพลตฟอร์มจะพุ่งสูงขึ้น แต่ธอร์เชนก็เผชิญปัญหาภายใน โดยก่อนหน้านี้ได้สั่งระงับบริการกู้ยืม ‘บิตคอยน์’ และ ‘อีเธอเรียม’ ชั่วคราว เนื่องจากปัญหาหนี้สะสมมูลค่ากว่า 200 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.88 แสนล้านวอน) นักพัฒนาหลัก ‘พลูโต(Pluto)’ ยืนยันว่า แม้จะมีความพยายามฟอกเงินผ่านโปรโตคอล แต่ทีมงานได้เพิ่มมาตรการป้องกัน เช่น การบล็อกที่อยู่ที่เกี่ยวข้อง

ด้านไบบิท หลังจากเหตุการณ์แฮ็กเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ก็ได้เปิดตัวเว็บไซต์เพื่อติดตามการเคลื่อนย้ายเงินที่ถูกขโมย พร้อมทั้งประกาศให้รางวัลแก่บริษัทและกระดานเทรดที่มีส่วนช่วยในการระงับเงินดังกล่าว การโจมตีครั้งนี้เกิดจากช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของบริการกระเป๋าเงิน ‘เซฟวอลเล็ต(SafeWallet)’ ซึ่งถูกใช้เป็นช่องทางจู่โจม ไม่นานหลังจากนั้น ‘เอฟบีไอ’ ได้ยืนยันว่า ‘ลาซารัส กรุ๊ป’ เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้

ผู้เชี่ยวชาญมองว่า เหตุการณ์นี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้เกิดการพิจารณาด้านความปลอดภัยและความรับผิดชอบในระบบเทรดแบบกระจายศูนย์ (DeFi) อีกครั้ง

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1