บริษัทคริปโตที่มีความเชื่อมโยงกับทรัมป์ถูกวุฒิสภาสหรัฐฯ ตรวจสอบ หลังพบโยงเกาหลีเหนือและรัสเซีย
บริษัทคริปโตที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับประธานาธิบดีทรัมป์และครอบครัวของเขาอย่าง *เวิลด์ลิเบอร์ตี้ไฟแนนเชียล(WLFI)* กำลังตกเป็นเป้าการสอบสวนครั้งใหม่จากวุฒิสภาสหรัฐฯ หลังมีข้อสงสัยว่าโครงการนี้เกี่ยวพันกับกลุ่มและบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรจากเกาหลีเหนือและรัสเซีย
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) โดยอ้างอิงจากรายงานของ CNBC สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตสองราย ได้แก่ เอลิซาเบธ วอร์เรน และแจ็ค รีด ได้ส่งจดหมายถึงปาเมลา บอนดี อัยการสูงสุด และสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง แสดงความกังวลว่า *WLFI* ขายโทเคนประเภท ‘โทเคนกำกับดูแล’ (Governance Token) ให้กับบัญชีที่เชื่อมโยงกับที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ
วุฒิสมาชิกทั้งสองระบุว่า โทเคนของบริษัทอาจถูกแจกจ่ายไปยังที่อยู่บล็อกเชนที่เชื่อมโยงกับ ‘กลุ่มลาซารัส’ ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ รวมถึงบริษัทในรัสเซียและอิหร่านที่อยู่ในรายชื่อถูกคว่ำบาตร และผู้ใช้งานแพลตฟอร์มซื้อขายแบบไม่ระบุตัวตนอย่าง *Tornado Cash*
สาเหตุของการตรวจสอบในครั้งนี้เริ่มต้นจากรายงานของ *Accountable.US* ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรด้านงานตรวจสอบภาคประชาชน ที่ได้เผยแพร่เอกสารในเดือนกันยายนที่ผ่านมา กล่าวหาว่า WLFI ขายโทเคนของตนให้กับกลุ่มหรือบุคคลที่ถูกคว่ำบาตร ทั้งจากเกาหลีเหนือ รัสเซีย และอิหร่าน ด้วยตรรกะที่โทเคนกำกับดูแลนั้นเปิดโอกาสให้เจ้าของมีสิทธิ์มีเสียงในการกำหนดทิศทางของเครือข่าย นักวิจารณ์จึงมองว่าอาจเทียบเท่ากับ ‘การยอมให้ศัตรูต่างชาติครอบครองอิทธิพลภายในระบบ’
วอร์เรนและรีดให้ความเห็นว่า “รูปแบบการขายโทเคนแบบนี้ คือการเปิดที่นั่งให้กับศัตรูของสหรัฐฯ บนโต๊ะบริหารของโครงการ”
ด้าน WLFI ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยระบุผ่านการให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า ทุกผู้เข้าร่วมในรอบพรีเซลล์ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบตัวตน และการป้องกันการฟอกเงิน(AML/KYC) อย่างละเอียด พร้อมอ้างว่าได้ปฏิเสธเงินลงทุนมูลค่าหลายล้านดอลลาร์จากผู้ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ
ความคิดเห็น: เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า *คริปโตเคอร์เรนซี* อาจกลายเป็นเครื่องมือที่เกี่ยวพันโดยตรงกับความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะเมื่อบริษัทที่มีสายสัมพันธ์ทางการเมือง เช่น *WLFI* มีบทบาทสำคัญในโครงสร้างกำกับดูแลของสินทรัพย์ดิจิทัล หากผลสอบสวนชี้ว่ามีการเชื่อมโยงจริง ก็อาจกลายเป็น *หมุดหมายใหม่* ของการควบคุมกฎระเบียบคริปโตในระดับรัฐบาลสหรัฐฯ เลยทีเดียว
ความคิดเห็น 0