ธนาคารกลางยุโรป(ECB) แสดงจุดยืนชัดเจนเกี่ยวกับโครงการ ‘ยูโรดิจิทัล’ โดยย้ำว่าจุดประสงค์หลักคือการคุ้มครอง ‘อธิปไตยทางการเงิน’ ของสหภาพยุโรป และเปิดทางให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเงินของธนาคารกลางผ่านระบบที่ไม่ต้องพึ่งพาโครงข่ายการชำระเงินของสหรัฐ เช่น วีซ่าและมาสเตอร์การ์ด
ตามรายงานเมื่อวันที่ 24 คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจและการเงินของรัฐสภายุโรป (ECON) ได้จัดการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางนโยบายของยูโรดิจิทัล โดยมีปิเอโร ชิโปโลเน(Piero Cipollone) หนึ่งในคณะกรรมการบริหารของ ECB แถลงแนวนโยบาย โดยเขาเน้นว่า ยูโรดิจิทัลจะทำหน้าที่เป็น ‘โครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ’ เพื่อรักษาการเข้าถึงสกุลเงินของธนาคารกลางอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่เป็นเพียงตัวเลือกเสริมของผู้ให้บริการภาคเอกชน
ในเวทีเดียวกัน เฟร์นันโด นาบาร์เรเต(Fernando Navarrete) สมาชิก ECON ได้ตั้งคำถามว่า หากระบบเอกชนอย่าง ‘เวโร’ (Wero) ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลที่พัฒนาโดยโครงการ European Payment Initiative (EPI) ของหลายธนาคารในยุโรป สามารถตอบโจทย์การชำระเงินได้แล้ว การมีสกุลเงินดิจิทัลจากธนาคารกลางยังจำเป็นหรือไม่
ชิโปโลเนตอบว่า ยูโรดิจิทัลไม่ใช่คู่แข่งของระบบเอกชน แต่ทำหน้าที่เหมือน ‘ระบบรถไฟสาธารณะ’ ที่ภาคเอกชนสามารถพัฒนาโซลูชันของตนเองบนโครงสร้างพื้นฐานเดียวกัน ทั้งยังเสริมสร้างความมั่นคง ความเป็นอิสระ และลดการพึ่งพาระบบของต่างชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์
การอภิปรายครั้งนี้มีขึ้นในช่วงที่ยุโรปกำลังเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญในการออกแบบโครงสร้างและรูปแบบการดำเนินงานของยูโรดิจิทัล โดย ECB แสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวคิด ‘ยูโรดิจิทัลแบบออฟไลน์เท่านั้น’ เนื่องจากมองว่าไม่สามารถตอบสนองวัตถุประสงค์เชิงนโยบายของโครงการได้ครบถ้วน
ณ จุดนี้ ยูโรดิจิทัลได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการตอบโต้เชิงกลยุทธ์ต่ออิทธิพลของเครือข่ายการเงินภายนอก และเป็นอาวุธหลักที่ยุโรปใช้ในการรักษาความเป็นผู้นำด้านการเงินในยุคดิจิทัล ECB ระบุว่าจะเดินหน้าผลักดันโครงการภายใต้สองเสาหลักคือ ‘การรักษาอธิปไตยของระบบเงินตรา’ และ ‘การสร้างโครงสร้างพื้นฐานร่วมสำหรับการชำระเงินทั่วทั้งยุโรป’
ความคิดเห็น 0