ช่วงการปรับฐานอย่างต่อเนื่องของตลาดคริปโตในระยะหลัง ถูกชี้ว่าอาจมีต้นเหตุหลักมาจาก ‘ปัญหาด้านความมั่นคงทางการเงิน’ ของกลุ่มผู้ดูแลสภาพคล่องหรือ ‘ตลาดสร้างสภาพคล่อง’ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์บังคับขายวงกว้างเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้เล่นกลุ่มนี้เผชิญปัญหาสภาพคล่อง หันไปทยอยขายสินทรัพย์เพื่อรักษาทุน ซึ่งกลายเป็นแรงกดดันฝั่งขายต่อเนื่องในตลาด
ทอม ลี ประธานและนักวิเคราะห์จากบริษัทรับฝากคริปโต บิทมายด์(BitMine) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 (เวลาท้องถิ่น) ในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า การบังคับขายจำนวนมหาศาลมูลค่ากว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7.2 แสนล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพคล่องของผู้สร้างตลาดหลายราย “เหตุการณ์นั้นส่งผลให้พวกเขาเผชิญปัญหาสภาพคล่องทันที” เขากล่าว
ผู้สร้างตลาดมีบทบาทสำคัญในการทำให้การซื้อขายระหว่างนักลงทุนและแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยพวกเขารับความเสี่ยงด้วยการถือครองสินทรัพย์ไว้จำนวนหนึ่ง แต่เมื่อต้องเจอกับ ‘ช่องว่าง’ หรือปัญหาเงินทุนขาดมือ พวกเขาจำเป็นต้องลดขนาดงบดุลด้วยการขายสินทรัพย์และลดการทำธุรกรรม เพื่อรักษาเสถียรภาพของทุน
“เมื่อรายได้หลักของพวกเขามาจากกิจกรรมการซื้อขาย แต่กลับเจอกับปัญหาการขาดทุน มันไม่ต่างจากวิกฤตการณ์ทางการเงินเฉพาะตัว” ลีชี้ พร้อมทั้งระบุว่า ขณะนี้ผู้สร้างตลาดจำนวนมากกำลัง ‘หดงบดุล’ ด้วยตัวเอง เพื่อรักษาเงินทุนสำรอง
หากการลดงบดุลยังดำเนินต่อไป ราคายิ่งตกต่ำ นั่นจะยิ่งกระตุ้นให้เกิด ‘วัฏจักรขายซ้ำ’ ซึ่งอาจเร่งแรงเทขายในตลาดโดยเฉพาะในช่วงขาลง ความเสี่ยงที่เกิดจากวัฏจักรนี้อาจลุกลามจากบิตคอยน์(BTC) ไปสู่สินทรัพย์ใหญ่อื่น ๆ อย่างอีเธอเรียม(ETH) และโซลานา(SOL) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความคิดเห็น: การที่ตลาดตกต่อเนื่องไม่ใช่เพียงปัจจัยด้าน ‘อารมณ์นักลงทุน’ หรือ ‘ความต้องการซื้อขายลดลง’ แต่เป็นการชี้ว่า ผู้เล่นหลักกำลัง ‘ถอนตัวเงียบ’ ผ่านการลดพอร์ต ซึ่งเป็นสัญญาณที่ตลาดควรให้ความสนใจอย่างสูง
ปัญหาสภาพคล่องเหล่านี้ อาจไม่ใช่เพียงระยะสั้น เพราะการไหลออกของเงินทุนแบบฉับพลันมีโอกาสกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนวงกว้าง ในระดับโครงสร้างตลาด
โดยรวมแล้ว ช่วงนี้จึงควรจับตา ‘กระแสเงินทุน’ มากกว่าความผันผวนในระยะสั้น รวมถึงติดตาม ‘ตัวชี้วัดนอกกรอบราคา’ อย่างปริมาณซื้อขายและระดับความลึกของออร์เดอร์บุ๊กให้ใกล้ชิด นักลงทุนควรจัดพอร์ตด้วยวิธีความเสี่ยงแบบองค์รวม แทนที่จะพุ่งเป้าเพียงเหรียญใดเหรียญหนึ่งอย่างเจาะจง
ความคิดเห็น: กลยุทธ์ที่เหมาะสมขณะนี้ คือการวางแผนลงทุนด้วยมุมมองระยะกลางถึงยาว และคุมความเสี่ยงผ่านข้อมูลสภาพคล่องแทนการเก็งกำไรจากการดีดกลับเพียงชั่วคราว
ความคิดเห็น 0