บริษัทบริหารการเงินด้านคริปโตในสหรัฐฯ บิทไมน์(BitMine) เปิดเผยแผนการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อเร่งขยายการ ‘สเตก’ เหรียญอีเธอเรียม(ETH) ที่บริษัทถืออยู่ ผ่านโครงการ ‘เครือข่ายผู้ตรวจสอบจากอเมริกา (Made in America Validator Network, MAVAN)’ ซึ่งตั้งเป้าเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาสแรกของปี 2026
โครงการ MAVAN จะขับเคลื่อนผ่านโนดผู้ตรวจสอบที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ โดยบิทไมน์ตั้งใจใช้เครือข่ายนี้ในการเข้าร่วมกับระบบเครือข่ายของอีเธอเรียม พร้อมสร้างรายได้จากการสเตกอย่างมั่นคง และผลักดันการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ในประเทศ ปัจจุบันบริษัทอยู่ในช่วงทดลองร่วมกับผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการสเตก 3 ราย
อีเธอเรียมใช้กลไกฉันทามติแบบ ‘พรูฟ ออฟ สเตก (PoS)’ ซึ่งผู้ถือโทเคนจะนำเหรียญไป ‘สเตก’ หรือฝากล็อกไว้ในเครือข่าย เพื่อรับผลตอบแทนเป็นโทเคน ETH กลับมา ‘การสเตก’ จึงถูกมองว่าเป็นช่องทางสร้างรายได้ต่อเนื่องขององค์กร และเป็นเครื่องมือช่วยรักษาความปลอดภัยและความกระจายศูนย์ของเครือข่าย
ทอม ลี(Tom Lee) ประธานของบิทไมน์ แสดงความคิดเห็นว่า “หากโครงการนี้ดำเนินไปในขนาดที่ใหญ่พอ จะเป็นแนวทางที่สร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นมากที่สุดในระยะยาว” พร้อมเผยความตั้งใจขยาย MAVAN อย่างต่อเนื่องในอนาคต
กระแสการยอมรับคริปโตในระดับสถาบันกำลังเร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะหลังสำนักงาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ อนุมัติ ETF บิตคอยน์(BTC) แบบสปอต ส่งผลให้ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ ที่องค์กรเข้าร่วมเป็นผู้ตรวจสอบบนเครือข่ายโดยตรง เพื่อสร้างรายได้จากสินทรัพย์ดิจิทัล เริ่มพบเห็นมากขึ้นในกลุ่มบริษัทสหรัฐฯ
*ความคิดเห็น*: ความเคลื่อนไหวของบิทไมน์สะท้อนทัศนคติใหม่ของบริษัทเทคในสหรัฐฯ ที่ไม่เพียงสนใจถือครองคริปโตเพื่อเก็งกำไร แต่เริ่มวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานในประเทศให้มั่นคง พร้อมสร้างรายได้อย่างยั่งยืนจากระบบบล็อกเชนภายในประเทศเอง
ความคิดเห็น 0