Exodus เตรียมขยายธุรกิจไปยังบริการ ‘ชำระเงินแบบออนเชน’ โดยใช้ บิตคอยน์(BTC) ที่บริษัทถือครองเป็นทุนในการเข้าซื้อกิจการ W3C Corp มูลค่า 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.57 พันล้านบาท เพื่อยกระดับจากกระเป๋าเก็บสินทรัพย์ ไปสู่โครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินแบบเต็มรูปแบบ
ตามรายงานเมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) Exodus ซึ่งเป็นผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ได้ลงนามในข้อตกลงซื้อกิจการกับ W3C Corp ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีด้านการชำระเงิน Monavate และแพลตฟอร์มการออกบัตรธนาคาร Banx ด้วยเม็ดเงินกว่า 175 ล้านดอลลาร์
การควบรวมกิจการครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Exodus พัฒนาไปไกลกว่าการเป็นแค่“กระเป๋าเงินเก็บเหรียญ” โดยทางบริษัทมีแผนควบคุมขั้นตอนทั้งหมดของระบบชำระเงิน ตั้งแต่การออกบัตร การประมวลผลธุรกรรม ไปจนถึงการดำเนินการตามข้อกำกับดูแลแบบครบวงจรในแนวทาง ‘การดูแลสินทรัพย์ด้วยตนเอง’ หรือ ‘Self-custody’
เจพี ริชาร์ดสัน(JP Richardson) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Exodus เผยว่า “การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบบัตรและการชำระเงินภายในบริษัทเองจะช่วยให้เราก้าวจากการเป็นแค่ที่เก็บทรัพย์สิน ไปสู่แพลตฟอร์มที่ใช้งานได้จริง” พร้อมย้ำว่า “Exodus จะกลายเป็นแพลตฟอร์มเดียวที่คุณต้องการสำหรับการจัดการสินทรัพย์ของคุณ”
ทางบริษัทยังวางแผนบูรณาการบริการต่าง ๆ เข้ากับข้อเสนอทั้งฝั่งลูกค้าทั่วไปและลูกค้าองค์กร โดยลดการพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอก พร้อมขยายขอบเขตการชำระเงินให้รองรับสกุลเงินดิจิทัลหลายประเภทมากขึ้น ทั้ง บิตคอยน์(BTC), สเตเบิลคอยน์ และอาจรวมถึงการออกบัตรชำระเงินที่เชื่อมต่อกับทั้ง วีซ่า(Visa), มาสเตอร์การ์ด(Mastercard) และ ดิสคัฟเวอร์(Discover)
แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมประเมินว่ากลยุทธ์ครั้งนี้อาจเป็น ‘จุดเปลี่ยน’ สำคัญต่อการเติบโตของ Exodus เนื่องจากการขยายจากบริการฝาก-ถอนคริปโตไปสู่ระบบชำระเงินบนบล็อกเชน จำเป็นต้องใช้ความสามารถทั้งด้านเทคโนโลยีและการปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างเข้มงวด
*ความคิดเห็น: กรณีของ Exodus เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนถึงทิศทางอนาคตของวงการคริปโต ที่เน้นการนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้งานจริงมากกว่าการถือครองเพียงอย่างเดียว*
ความคิดเห็น 0