บริษัทคริปโตในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับมาตรการ ‘ตัดขาดทางการเงิน’ (Debanking) ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผลมาจากการแทรกแซงที่ไม่เป็นธรรมจากหน่วยงานภาครัฐ
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ในงาน ‘Bitcoin Investor Week’ เคทลิน ลอง(Caitlin Long) ซีอีโอของคัสโทเดียบังก์(Custodia Bank) กล่าวว่า "นโยบายการเงินที่เกิดขึ้นในวอชิงตัน ดี.ซี. นั้นน่าตกใจ และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น"
คัสโทเดียบังก์ประสบปัญหาตั้งแต่ปี 2023 หลังจากถูกธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ปฏิเสธการเปิดบัญชีหลัก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับ ‘กิจกรรมคริปโต’ ซึ่งส่งผลให้ธนาคารถูกจำกัดการให้บริการแก่บริษัทคริปโต นอกจากนี้ การปฏิเสธดังกล่าวยังตัดสิทธิ์ในการเข้าถึงระบบการเงินโดยตรงของธนาคารกลาง ทำให้คัสโทเดียบังก์ต้องดำเนินการทางกฎหมายเพื่อต่อสู้กับมาตรการดังกล่าว
ประเด็นนี้ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว หลังจากมีการเปิดเผยเอกสารบางส่วนจากคดีความที่นำโดยคอยน์เบส(Coinbase) ซึ่งเผยให้เห็นว่าหน่วยงานกำกับดูแลธนาคารของสหรัฐฯ เคยร้องขอให้สถาบันการเงิน ‘หยุดให้บริการ’ แก่บริษัทคริปโตชั่วคราว
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่ออุตสาหกรรมคริปโต หลังจากเข้ารับตำแหน่ง โดยเมื่อวันที่ 23 มกราคม เขาได้ลงนามในคำสั่งบริหารที่สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการทำให้บริษัทสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าถึง ‘บริการทางการเงินที่เป็นธรรมและเปิดกว้าง’
อย่างไรก็ตาม ลอง ซีอีโอของคัสโทเดียบังก์เน้นว่ายังเร็วเกินไปที่จะถือว่าการต่อสู้ครั้งนี้สิ้นสุดลง เนื่องจากความไม่ชัดเจนของกฎระเบียบ และยังมีการแข่งขันอย่างดุเดือดระหว่างธนาคารขนาดใหญ่ ผู้ออกสเตเบิลคอยน์รายเดิม และบริษัทจากต่างประเทศ เช่น เทเธอร์(USDT)
ท่ามกลางกระแสการเมืองที่รายล้อมข้อบังคับด้านการเงินดิจิทัล อุตสาหกรรมคริปโตต่างจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่า ฝ่ายบริหารของทรัมป์จะสามารถบูรณาการสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่ระบบการเงินแบบดั้งเดิมได้อย่างไร
ความคิดเห็น 0