Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

เจพีมอร์แกน(JPM) ปิดบัญชีซีอีโอ Strike จุดกระแสกังวล ‘ดีแบงกิ้ง’ ในวงการคริปโต

เจพีมอร์แกน(JPM) ปิดบัญชีซีอีโอ Strike จุดกระแสกังวล ‘ดีแบงกิ้ง’ ในวงการคริปโต / Tokenpost

เจพีมอร์แกน(JPM) ธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่ของสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในกระแสวิจารณ์อีกครั้งหลังจากมีการ ‘ยกเลิกบัญชี’ โดยไม่แจ้งเหตุผลกับ แจ็ค มอลเลอร์ส(Jack Mallers) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท สไตรค์(Strike) ผู้ให้บริการรับชำระเงินด้วย บิตคอยน์(BTC) จุดชนวนความกังวลเกี่ยวกับการกีดกันทางการเงินหรือ ‘ดีแบงกิ้ง(Debanking)’ กลับขึ้นมาอีกครั้ง

สไตรค์เป็นบริษัทให้บริการชำระเงินที่ทำงานบนเครือข่าย ‘ไลท์นิง’ ของบิตคอยน์ โดยเน้นการโอนแบบบุคคลต่อบุคคลและการทำธุรกรรมเรียลไทม์ มอลเลอร์สเปิดเผยผ่านแพลตฟอร์ม X (อดีตทวิตเตอร์) เมื่อวันที่ 14 ว่า เจพีมอร์แกนได้ทำการปิดบัญชีธนาคารของเขาเมื่อเดือนก่อน และเมื่อสอบถามเหตุผล ก็ได้รับคำตอบเพียงว่า *“บอกไม่ได้”* โดยไม่ได้มีคำชี้แจงใด ๆ อย่างเป็นทางการจากธนาคารถึงขณะนี้

ด้าน เจพีมอร์แกน ยังไม่ออกแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ในแวดวงคริปโตเริ่มมีเสียงตอบรับในเชิงลบ โดยบางฝ่ายแสดงความวิตกว่าปรากฏการณ์นี้อาจเป็นสัญญาณของ *‘ปฏิบัติการเช็คพอยต์ 2.0(Operation Chokepoint 2.0)’* ซึ่งระบุว่าภาครัฐอาจกดดันให้สถาบันการเงินตัดความสัมพันธ์กับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโต ผ่านมาตรการทางอ้อม

‘ปฏิบัติการเช็คพอยต์’ เดิมเป็นกลยุทธ์จากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2013 เพื่อควบคุมบางอุตสาหกรรมผ่านการจำกัดทางการเงิน โดยใช้ธนาคารเป็นเครื่องมือ กรณีธนาคารที่เป็นมิตรกับคริปโตอย่าง ซิลเวอร์เกต(Silvergate) และ ซิกเนเจอร์แบงก์(Signature Bank) ถูกปิดตัวลงอย่างต่อเนื่องเมื่อปีก่อนก็เคยก่อให้เกิดเสียงคัดค้านจากอุตสาหกรรมนี้ โดยให้เหตุผลว่าบริษัทเหล่านี้กำลังถูก ‘ตัดออกจากระบบ’

เหตุการณ์ปิดบัญชีของแจ็ค มอลเลอร์ส อาจสะท้อนความไม่มั่นคงในความสัมพันธ์ระหว่างธนาคารและธุรกิจคริปโตในสหรัฐฯ *ความคิดเห็น* ระบุว่า ไม่เพียงแต่มอลเลอร์สในฐานะบุคคลเท่านั้น แต่ธุรกิจคริปโตทั้งหมดอาจเผชิญความเสี่ยงในการถูกแยกออกจากระบบการเงินแบบดั้งเดิมอีกครั้งในอนาคต

*ความคิดเห็น* จากนักวิเคราะห์ชี้ว่า สถานการณ์ล่าสุดนี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบในภาพรวมของตลาด ไม่ว่าจะเป็นการหดตัวของความเชื่อมั่น การทบทวนความเสี่ยงในการพึ่งพาธนาคารกระแสหลัก รวมถึงการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายศูนย์เช่น ‘ดีไฟน์(DeFi)’ และระบบชำระเงินแบบไม่พึ่งพาตัวกลาง โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ยังมีความไม่ชัดเจนด้านกฎระเบียบในสหรัฐฯ ขณะนี้

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความหลัก

โซลานา(SOL) อ่อนแรงหลังร่วง 30% นักลงทุนคาดการณ์ขาลง แม้กิจกรรมเครือข่ายเริ่มฟื้น

Nodit เปิดตัว VaaS เสริมความปลอดภัยบล็อกเชนองค์กร

Nodit เปิดตัว VaaS เสริมความปลอดภัยบล็อกเชนองค์กร

นักขุดบิตคอยน์(BTC)เผชิญวิกฤต! รายได้ลด-ต้นทุนสูง ดันหลายบริษัทเสี่ยงขาดทุน

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1