รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีจากการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลใหม่ทั้งหมด โดยนำระบบอัตราภาษีแบบ ‘อัตราเดียว’ ที่ 20% มาใช้ ซึ่งจะช่วยลดอัตราภาษีจากระดับสูงสุด 55% อย่างมาก คาดว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลดีต่อตลาดคริปโตในประเทศที่เคยได้รับผลกระทบจากภาระภาษีที่สูง
ตามรายงานของสำนักข่าวนิกเคอิเอเชีย เมื่อวันที่ 30 (เวลาท้องถิ่น) ระบุว่ารัฐบาลญี่ปุ่นและพรรครัฐบาลออกมาให้การสนับสนุนแผนการปฏิรูปภาษีสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งนำโดยสำนักงานบริหารการเงิน หรือ *Financial Services Agency (FSA)* แผนดังกล่าวมีแผนจะยื่นเสนอเข้าสู่สภาภายในช่วงต้นปี 2026
ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน รายได้จากการซื้อขายคริปโตในญี่ปุ่นถูกจัดอยู่ในหมวด ‘รายได้อื่นๆ’ ซึ่งต้องเสียภาษีในรูปแบบภาษีก้าวหน้า (Progressive Tax) ร่วมกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อยู่ในช่วง 5%–45% และเมื่อรวมกับภาษีท้องถิ่นอีก 10% อัตราภาษีรวมอาจสูงถึง 55% สำหรับผู้มีรายได้สูง ในขณะที่ผลตอบแทนจากหุ้นหรือกองทุนทั่วไปในญี่ปุ่นจะเสียภาษีเพียง 20% แบบคงที่
รัฐบาลญี่ปุ่นจึงมีแผนจะยกเลิกความเหลื่อมล้ำนี้ โดยเสนอให้ใช้ภาษีแบบคงที่ 20% สำหรับรายได้จากคริปโตทั้งหมด โดยไม่คำนึงถึงขนาดของเงินลงทุน แนวทางใหม่นี้จะช่วยให้คริปโตถูกจัดการเหมือนสินทรัพย์การเงินทั่วไปมากขึ้น
ความเคลื่อนไหวด้านภาษีในครั้งนี้ถือเป็น ‘ชัยชนะ’ สำหรับนักลงทุนคริปโตชาวญี่ปุ่นที่เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงมายาวนาน โดยที่ผ่านมาภาระภาษีระดับสูงกลายเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของตลาด ส่งผลให้ทั้งนักลงทุนรายใหญ่และบริษัทญี่ปุ่นบางส่วนย้ายไปตั้งฐานในต่างประเทศ หากมาตรการนี้มีผลบังคับใช้จริงในปี 2026 คาดว่าจะช่วยดึงนักลงทุนและเงินทุนกลับสู่ตลาดภายในประเทศอีกครั้ง
ท่าทีเชิงบวกของญี่ปุ่นต่อคริปโตยังสะท้อนถึงจุดยืนของรัฐบาลที่ต้องการสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตให้เติบโตต่อไป ท่ามกลางกระแสการกำกับดูแลของโลก รัฐบาลญี่ปุ่นยังแสดงเจตนารมณ์ในการสร้างเสถียรภาพด้านกฎระเบียบให้เหมาะสมกับการเติบโตของตลาดในระยะยาว
*ความเห็น*: การนำระบบอัตราภาษีเดียวมาใช้ในญี่ปุ่นอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับผู้พัฒนาโปรเจกต์บล็อกเชนและนักลงทุนรายใหญ่ที่เคยเลือกออกจากประเทศ การไหลกลับของทรัพยากรบุคคลและเงินทุนถือเป็นสัญญาณบวกที่อุตสาหกรรมคริปโตทั่วโลกควรจับตามอง
ความคิดเห็น 0