ในขณะที่ ‘เทคโนโลยีบล็อกเชน’ กลายเป็นเครื่องมือทางการเงินในชีวิตประจำวันของชาวเวเนซุเอลา ความต้องการใช้ ‘สเตเบิลคอยน์’ อาจเพิ่มขึ้นหากความตึงเครียดในภูมิภาคและปัญหาเศรษฐกิจทวีความรุนแรงขึ้น ตามรายงานฉบับล่าสุดโดยบริษัทวิจัยด้านบล็อกเชน TRM แล็บส์(TRM Labs)
เมื่อวันที่ 24 TRM แล็บส์ระบุว่า สภาพเศรษฐกิจมหภาคที่ย่ำแย่และการลดลงของค่าเงินโบลิวาร์ทำให้ประชาชนในเวเนซุเอลาหันมาใช้ ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในภาวะที่ความขัดแย้งระหว่างเวเนซุเอลาและสหรัฐฯ ทวีความตึงเครียด ส่งผลให้ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่นในระบบการเงินแบบดั้งเดิมอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้สถานการณ์ที่ ‘สำนักงานกำกับดูแลคริปโตของเวเนซุเอลา (SUNACRIP)’ ถูกลดบทบาทและขาดความชัดเจนด้านกฎระเบียบ TRM แล็บส์คาดการณ์ว่า ผู้บริโภคจะหันมาใช้ ‘สเตเบิลคอยน์’ ทั้งในฐานะที่เป็นแหล่งพักมูลค่าและเครื่องมือในการชำระเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในเศรษฐกิจมหภาคของเวเนซุเอลา การใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะสเตเบิลคอยน์ มีแนวโน้มขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ” รายงานระบุ
ประเทศเวเนซุเอลาเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงและอัตราแลกเปลี่ยนไม่แน่นอน ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เลี่ยงการใช้เงินสด และหันไปพึ่งพา ‘ระบบการเงินแบบออนเชน’ ที่ขับเคลื่อนด้วย ‘สเตเบิลคอยน์ที่อิงกับเงินดอลลาร์’ แทน เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของค่าเงินท้องถิ่น โดยปัญหาความเชื่อถือในระบบธนาคารแบบดั้งเดิมยังผลักดันเทรนด์นี้ให้เติบโตต่อไป
สินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้ถูกมองว่าเป็นทางเลือกทางการเงินอีกต่อไป แต่ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อความอยู่รอดในชีวิตประจำวัน และแนวโน้มนี้อาจแพร่กระจายไปยังประเทศอื่นๆ ในละตินอเมริกาอีกด้วย ทั้งนี้การใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชนโดยเฉพาะ ‘สเตเบิลคอยน์’ ยังอาจมีผลต่อทิศทางของการเงินโลกในอนาคต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางกฎหมายและความสามารถในการฟื้นตัวของภูมิภาค
*ความคิดเห็น: เวเนซุเอลาถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของกรณีที่ ‘สภาวะเศรษฐกิจไม่มั่นคง’ และ ‘ค่าเงินตกต่ำ’ กลายเป็นแรงผลักสำคัญให้ผู้คนหันมาใช้สินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีสเตเบิลคอยน์เป็นตัวเลือกหลักในยามวิกฤต*
ความคิดเห็น 0