บิตคอยน์(BTC) แม้จะร่วงลงเกือบ 30% จากจุดสูงสุดล่าสุด แต่ยังคงรักษาสถานะ ‘สินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง’ เมื่อเทียบกับสินทรัพย์คริปโตอื่น ๆ ท่ามกลางภาวะตลาดโดยรวมที่อ่อนตัวลง โดยยังสามารถรักษาสัดส่วนการครอบครองตลาดและมีแรงซื้อที่คงที่ สะท้อนถึงบทบาทของ ‘บิตคอยน์’ ในฐานะที่พึ่งในยามวิกฤต
บริษัทข้อมูลบล็อกเชนอย่าง Glassnode เปิดเผยเมื่อไม่นานนี้ว่า ราคาบิตคอยน์ลดลงประมาณ 26% ภายใน 3 เดือน เหลืออยู่ที่ราว 85,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,258.2 ล้านบาท) ซึ่งถือว่ายังเป็น ‘ผลประกอบการที่ดี’ เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดที่ราคาทรุดลงโดยรวม มูลค่าตลาดคริปโตทั้งหมดลดลงประมาณ 27.5% ขณะที่อีเธอเรียม(ETH) ร่วงลงกว่า 36% ต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 444,000 บาท)
ในทางตรงกันข้าม โทเคนกลุ่มย่อยอย่าง โทเคนด้านปัญญาประดิษฐ์ตกลงถึง 48%, เหรียญมีมทรุดลง 56%, โทเคนที่เกี่ยวกับสินทรัพย์จริง (RWA) ลดลง 46% และสินทรัพย์บนดีไฟน์(DeFi) ทรุดลงอีก 38% แสดงให้เห็นว่า ‘บิตคอยน์’ มีการฟื้นตัวและ ‘ทนแรงขาย’ ได้ดีกว่าสินทรัพย์อื่น ๆ
Glassnode รายงานเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน กระแสเงินทุนยังคงกระจายไปทั่วตลาด แต่หลังจากตลาดถูกกระทบอย่างหนักในช่วงต้นตุลาคม โทเคนกลุ่มความเสี่ยงสูง เช่น เกม, NFT, เหรียญมีม และเลเยอร์ 1 และ 2 ต่างพากันทรุดตัวรุนแรง โดยช่วงกลางตุลาคมถึงกลางพฤศจิกายนราคามีความพยายามฟื้นตัวบ้าง แต่ผลลัพธ์กลับอยู่ในระดับต่ำ ไม่อาจกลับสู่จุดที่ว่า “เป็นกลาง” ได้เลย และภายในกลางเดือนพฤศจิกายน สภาวะตลาดอัลทคอยน์เข้าสู่ ‘ภาวะจำนน (Capitulation)’ อย่างชัดเจน
ท่ามกลางการถอนทุนทั่วไป กลับพบว่า ‘บิตคอยน์’ เป็นเพียงสินทรัพย์เดี่ยวที่ยังคงรักษาเงินทุนไว้ได้ดี โดยไม่มีการไหลเข้าของเงินทุนชัดเจนในหมวดโทเคนอื่นๆ Glassnode ชี้ว่า ยิ่งภาวะ ‘Deleveraging’ เร่งตัวในเดือนตุลาคม บิตคอยน์ยิ่งทำหน้าที่เป็นที่หลบภัยของนักลงทุนมากขึ้น โดยขณะนี้ ‘ดัชนีโดมิแนนซ์ของ BTC’ ยังคงเคลื่อนไหวระหว่าง 59% ถึง 61% หลังจากเคยพุ่งสูงสุดที่ 65% ในช่วงต้นปี
จากข้อมูลเชิงลึกบนเครือข่าย พบว่า นักลงทุนขนาดกลางที่ถือครอง 100 – 1,000 บิตคอยน์ (เรียกว่า ‘ปลาฉลาม’) ได้เพิ่มการสะสมโดยซื้อเพิ่มถึง 54,000 BTC ภายในหนึ่งสัปดาห์ รวมถือครอง 3.575 ล้าน BTC นับเป็นความเคลื่อนไหวที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2012 ‘ความคิดเห็น’ หลายฝ่ายจึงประเมินว่าเม็ดเงินจากนักลงทุนกลุ่มนี้ยัง ‘สนับสนุนฐานราคาระยะสั้น’ ได้อยู่
อย่างไรก็ดี กลุ่ม ‘ปลาวาฬ’ ซึ่งเป็นนักลงทุนใหญ่ที่ถือครองเกิน 10,000 BTC พร้อมทั้งนักลงทุนยุคแรกที่เป็นนักสะสมรายใหญ่ เริ่มทยอยขายทำกำไร ส่งผลให้มี ‘แรงกดดันด้านอุปทาน’ เข้ามาแทรกในช่วงเวลาเดียวกัน
ตลาดในตอนนี้ยังขาดผู้นำที่ชัดเจน ขณะที่ความเชื่อมั่นต่อกลุ่มอัลทคอยน์อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้แนวโน้มการฟื้นตัวยังไม่น่าเชื่อถือ นักลงทุนรายใหญ่หันมาถือบิตคอยน์มากยิ่งขึ้น แต่แรงขายจากผู้ถือระยะยาวทำให้ ‘โมเมนตัมขาขึ้น’ ของราคามีข้อจำกัด
‘ความคิดเห็น’ ของผู้เชี่ยวชาญบางรายจึงสรุปว่า หากปรากฏการณ์ขาลงยังคงต่อเนื่อง บิตคอยน์จะยังคงถูกมองว่าเป็น ‘สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง’ ที่เหนือกว่าคริปโตอื่น ๆ และอาจกลายเป็นศูนย์กลางของการเคลื่อนไหวในรอบต่อไปของตลาดคริปโตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความคิดเห็น 0