ตลาดกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโต (ETP) เผชิญกระแสเงินออกครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีการไหลออกสุทธิรวม 2.9 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.23 ล้านล้านวอน)
บริษัทบริหารสินทรัพย์ระดับโลก ‘คอยน์แชร์ส’ (CoinShares) รายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตลาด ETP คริปโตพบการไหลออกของเงินทุนในระดับ ‘เป็นประวัติการณ์’ ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สาม โดยมูลค่ารวมของเงินที่ไหลออกสะสมอยู่ที่ 3.8 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.55 ล้านล้านวอน)
เจมส์ บัตเตอร์ฟิลล์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของคอยน์แชร์ส วิเคราะห์ว่าปัจจัยที่เป็นสาเหตุของกระแสเงินออกครั้งนี้ ได้แก่ ‘การแฮ็กไบบิท(Bybit) มูลค่า 150 ล้านดอลลาร์’ นโยบายสายแข็งของ ‘ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)’ และแรงขายทำกำไร หลังจากมีเงินไหลเข้าสู่ตลาด ETP ถึง 29 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 42.34 ล้านล้านวอน) ต่อเนื่องยาวนานถึง 19 สัปดาห์ เขากล่าวว่า "ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการชะลอตัวของความเชื่อมั่นนักลงทุนและกระตุ้นให้เกิดแรงขายทำกำไร"
บิตคอยน์(BTC) เป็นสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยมีเงินทุนไหลออกจากกองทุน ETP บิตคอยน์ถึง 2.6 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.79 ล้านล้านวอน) ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มเชิงลบโดยตรงในตลาด อย่างไรก็ตาม ตราสาร ‘ชอร์ต บิตคอยน์ ETP’ แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็พบเงินไหลเข้าสุทธิที่ 2.3 ล้านดอลลาร์
ในฝั่งของอีเธอเรียม(ETH) กองทุน ETP ที่อิงกับสินทรัพย์นี้พบเงินไหลออก 300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 438 พันล้านวอน) อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ต้นเดือน เงินไหลเข้าสุทธิยังอยู่ที่ 490.3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 716 พันล้านวอน) ซึ่งสะท้อนถึงเสถียรภาพที่ดีกว่าตลาดโดยรวม
ขณะที่บางกองทุน ETP ของอัลต์คอยน์กลับสร้างผลตอบแทนได้ดี โดยเฉพาะ ‘SUI ETP’ ที่มีเงินไหลเข้าสุทธิ 15.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 22.6 พันล้านวอน) ทำให้เป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดของสัปดาห์ ส่วน ‘XRP ETP’ ก็พบเงินไหลเข้าสุทธิ 5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.3 พันล้านวอน)
แรงขายครั้งใหญ่ทำให้ ‘สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร’ (AUM) ของตลาดคริปโต ETP ลดลงเหลือ 138.8 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 202.77 ล้านล้านวอน) ลดลงอย่างมากจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 173 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 252.58 ล้านล้านวอน) ซึ่งเคยทำได้เมื่อเดือนมกราคมปีนี้
นักวิเคราะห์กำลังจับตาความเป็นไปได้ว่ากระแสเงินออกครั้งนี้เป็นเพียง ‘การปรับฐานระยะสั้น’ หรือไม่ โดยปัจจัยสำคัญที่อาจกำหนดแนวโน้มของตลาด ETP คริปโตในอนาคตคือ ‘นโยบายอัตราดอกเบี้ยของ Fed’ และ ‘ภาวะเศรษฐกิจมหภาค’
ความคิดเห็น 0