แอนโทนี พอมพลิอาโน นักลงทุนชื่อดังและผู้สนับสนุนบิตคอยน์(BTC) ออกมาแสดงความเห็นว่า บริษัท ‘สแตรทิจี’ (Strategy) ซึ่งปัจจุบันถือครองบิตคอยน์มากกว่า 671,000 เหรียญ ได้นำห่างบริษัทอื่น ๆ อย่างไม่อาจตามทัน โดยระบุว่าการที่บริษัทอื่นจะถือครองบิตคอยน์ในปริมาณใกล้เคียงกันแทบจะเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
พอมพลิอาโนเปิดเผยผ่านรายการพอดแคสต์ The Pomp Podcast ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารว่า “แม้ในทางทฤษฎีมันจะเกิดขึ้นได้ แต่ในความจริงมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะขนาดของการสะสมบิตคอยน์ของสแตรทิจีได้ก้าวข้ามเส้นไปแล้ว”
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า สแตรทิจีถือครองบิตคอยน์ทั้งหมดจำนวน 671,268 เหรียญ คิดเป็น 3.2% ของปริมาณบิตคอยน์ที่มีทั้งหมด 21 ล้านเหรียญ มูลค่ารวมประมาณ 58.61 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8.67 ล้านล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีบิตคอยน์จำนวน 10,645 เหรียญที่เพิ่งซื้อเข้าพอร์ตเมื่อสัปดาห์นี้ ที่ราคาเฉลี่ย 92,098 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญ หรือประมาณ 1.36 ล้านบาท
พอมพลิอาโนกล่าวเสริมว่า “แม้ 3.2% จะดูเหมือนไม่มาก แต่ถ้าเรามองในภาพระยะกลางถึงระยะยาว มันคือปริมาณที่มีผลต่อทั้งตลาด” พร้อมย้ำว่า “เมื่อคำนึงถึงลักษณะของบิตคอยน์ซึ่งมีจำนวนจำกัดและหายาก นี่คือระดับที่มี ‘ความสำคัญ’ อย่างมาก” และระบุเพิ่มเติมว่า “ถึงแม้ยังไม่ถึง 10% แต่ก็นับว่าทรงพลังแล้วในตอนนี้”
อย่างไรก็ตาม ก็มีเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับการสะสมบิตคอยน์อย่างเข้มข้นของสแตรทิจีว่ามีแนวโน้มทำให้ ‘ตลาดเกิดความบิดเบือน’ หรือกระจุกตัวจนสูญเสียความกระจายตัว พอมพลิอาโนเองยอมรับว่า บริษัทอื่นอาจใช้ตลาดทุนเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งแบบเดียวกัน แต่ย้ำว่าภาวะตลาดในช่วงที่สแตรทิจีเริ่มเข้าซื้อในปี 2020 ด้วยเงินประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7.4 หมื่นล้านบาท นั้นแตกต่างจากปัจจุบันโดยสิ้นเชิง เนื่องจากในตอนนั้นราคาบิตคอยน์ยังอยู่ในช่วง 9,000 – 10,000 ดอลลาร์เท่านั้น
เขาสรุปว่า “ช่องว่างมันได้เกิดขึ้นแล้วอย่างชัดเจน ถึงแม้จะทำตามแผนเดียวกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลลัพธ์เหมือนกัน” พร้อมเน้นย้ำว่า ‘การเข้าซื้อก่อนใคร’ ทำให้สแตรทิจีได้เปรียบอย่างมหาศาลในสมรภูมิบิตคอยน์
‘การครอบครองของสแตรทิจี’ นั้นไม่ได้เพียงแค่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาด แต่ยังกลายเป็น ‘ปรากฏการณ์’ ที่ยากจะมีใครตามทัน ขณะที่เงื่อนไขด้าน ‘เงินทุน’, ‘ช่วงเวลา’ และ ‘กฎเกณฑ์’ ก็ยังขวางทางผู้เล่นใหม่ที่อยากเดินตามเส้นทางนี้อย่างมาก
‘การเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ของสแตรทิจี’ จึงกลายเป็นกรณีศึกษา ที่ชี้ให้เห็นว่าในโลกของคริปโต ‘จังหวะและความมั่นใจ’ สามารถสร้างช่องว่างที่ไม่อาจอุดได้ แม้จะใช้เงินก้อนโตเท่าเดิมก็ตาม 🚀
ความคิดเห็น 0