สหรัฐเริ่มเจรจาร่างกฎหมาย 'CLARITY' และ 'GENIUS' หวังชี้ทางอนาคตตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
วุฒิสภาสหรัฐเริ่มต้นการหารือเกี่ยวกับร่างกฎหมายสำคัญสองฉบับ ได้แก่ ‘CLARITY’ และ ‘GENIUS’ ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญในการออกแบบกรอบกำกับดูแลของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี โดย เดวิด แซ็กส์ ซึ่งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานโยบายคริปโตและ AI ของรัฐบาลไบเดน เปิดเผยว่า ร่างกฎหมาย CLARITY มีกำหนดเข้าสู่กระบวนการแก้ไข (Markup) ในเดือนมกราคมปีหน้า หากร่างกฎหมายนี้ผ่านความเห็นชอบ อาจส่งผลให้โครงสร้างกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐ ‘เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ’
ร่างกฎหมาย CLARITY เสนอการแบ่งประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัลออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) ‘สินค้าโภคภัณฑ์ดิจิทัล’ เช่น บิตคอยน์(BTC) ที่อยู่ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการซื้อขายสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC), 2) ‘สินทรัพย์ที่เข้าข่ายเป็นสัญญาการลงทุน’ อย่างเช่น อีเธอเรียม(ETH) ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ฯ (SEC) และ 3) ‘สเตเบิลคอยน์ที่ได้รับอนุญาต’ ซึ่งต้องผ่านเงื่อนไขที่กำหนดไว้
เพิ่มไปกว่านั้น ร่าง CLARITY จะบังคับให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มคริปโตต้องลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ, ระบุข้อกำหนดในการดูแลกุญแจ (Key Management) สำหรับผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล (QDAC), พร้อมกำหนดกฎเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับการป้องกันการฟอกเงิน (AML) และการยืนยันตัวตนลูกค้า (KYC)
แต่กระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายกลับล่าช้าจากเหตุชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐและความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองพรรค โดยพรรคเดโมแครตได้หยิบยกประเด็นเกี่ยวกับความมั่นคงของระบบการเงินและจริยธรรมของธุรกิจคริปโตของครอบครัวของประธานาธิบดีทรัมป์ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการหารือ
ขณะเดียวกัน ‘GENIUS’ ร่างกฎหมายอีกฉบับหนึ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามรับรองเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ก็กำลังเผชิญกระแสต่อต้านจากอุตสาหกรรมคริปโต เนื่องจากมีเนื้อหาสำคัญที่เข้มงวด โดยเฉพาะข้อกำหนดที่ห้ามไม่ให้ผู้ออกเหรียญสเตเบิลคอยน์ซึ่งอิงกับดอลลาร์สหรัฐจ่าย ‘ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทน’ ในทุกรูปแบบ
จากเนื้อหาในร่าง GENIUS จึงทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง โดยมีองค์กรและสมาคมในวงการคริปโตมากกว่า 125 แห่งร่วมกันลงชื่อคัดค้าน โดยเฉพาะประเด็นการตีความคำว่า 'ดอกเบี้ย' ซึ่งทำให้เกิดความคลุมเครือ บางธนาคารเสนอว่าควรขยายข้อห้ามนี้ไปครอบคลุมถึงระบบ ‘รางวัล’ หรือ ‘โบนัส’ ในรูปแบบต่าง ๆ ด้วย ซึ่งอาจกระทบผู้ประกอบการคริปโตแทบทั้งหมด
ขณะนี้มีความพยายามจากหลายฝ่ายในอุตสาหกรรมให้รวมข้อเสนอการปรับปรุงเนื้อหาในร่าง GENIUS เข้าไปในร่าง CLARITY ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา
จากข้อมูลล่าสุด มูลค่ารวมของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีอยู่ที่ราว 2.85 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4,213 ล้านล้านวอน ยังคงมีกระแส ‘ขาขึ้น’ ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากความคาดหวังของนักลงทุนที่เชื่อว่ากรอบกฎหมายที่ชัดเจนจะช่วยดึงดูดเงินทุนจากสถาบันระหว่างประเทศเข้ามาอย่างจริงจัง
ทั้ง CLARITY และ GENIUS จึงถูกมองว่าเป็นกฎหมาย ‘พื้นฐาน’ ที่จะวางรากฐานระบบนิเวศของสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐในระยะยาว แต่ก็มีความเห็นว่า หน่วยงานภาครัฐควรเปิดช่องให้ผู้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการออกข้อบังคับ เพื่อหลีกเลี่ยงการควบคุมที่เข้มงวดเกินไป และสร้างสมดุลระหว่าง ‘นวัตกรรม’ และ ‘ความมั่นคงทางการเงิน’
*คำสำคัญ: CLARITY, GENIUS, คริปโต, สหรัฐ, กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล, สเตเบิลคอยน์*
ความคิดเห็น 0