ตลาดคริปโตคึกคักก่อนวันหยุดคริสต์มาส โดยบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) นำการฟื้นตัวของราคาครั้งนี้ พร้อมกระแสเงินทุนที่กลับมาไหลเข้ากลุ่มอัลต์คอยน์อีกครั้ง ถึงแม้นักลงทุนบางส่วนจะยังคงระแวดระวังจากปัจจัยด้านกฎระเบียบในสหรัฐ
เมื่อวันที่ 22 (เวลาท้องถิ่น) ราคาบิตคอยน์(BTC) พุ่งขึ้น 2.5% ในรอบ 24 ชั่วโมง แตะระดับ 90,125 ดอลลาร์ หรือราว 1,334.2 ล้านบาท ขณะที่อีเธอเรียม(ETH) เพิ่มขึ้น 3.2% มาอยู่ที่ 3,060 ดอลลาร์ หรือราว 453.2 ล้านบาท เหรียญอื่นๆ อย่างไบแนนซ์คอยน์(BNB) ขยับขึ้น 2.3% มาอยู่ที่ 867 ดอลลาร์ โซลานา(SOL) ก็ปรับตัวขึ้นถึง 3.3% มาอยู่ที่ 128 ดอลลาร์ ส่วนริปเปิล(XRP) เพิ่มขึ้น 2.2% ปิดที่ 1.94 ดอลลาร์
มูลค่าตลาดคริปโตโดยรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 2% แตะระดับ 3.13 ล้านล้านดอลลาร์ โดยบิตคอยน์ครองส่วนแบ่งตลาด 57.4% และอีเธอเรียมที่ 11.8% *สัญญาณการฟื้นฐานเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น*
ในกลุ่มอัลต์คอยน์ที่โดดเด่นที่สุดคือ สกาย(SKY) ซึ่งพุ่งขึ้นถึง 6.7% มาอยู่ที่ 0.068 ดอลลาร์ ตามมาด้วยเนียร์โปรโตคอล(NEAR) ที่เพิ่มขึ้น 6.2% ปิดที่ 1.55 ดอลลาร์ ขณะที่แอปโตส(APT) เพิ่มขึ้น 5.2% มาอยู่ที่ 1.64 ดอลลาร์ ด้านผู้แพ้สำคัญของวันคือแคนตัน(CC) ที่ร่วงถึง 14.9% เหลือเพียง 0.089 ดอลลาร์ รวมถึงอาเว(AAVE) ที่ลดลง 11.3% ปิดที่ 154.79 ดอลลาร์ และเรน(RAIN) ที่ลดลง 5.1% เหลือ 0.007 ดอลลาร์
ในด้านกระแสเงินทุน ยังมีความกังวลที่เห็นได้จากการไหลออกของเงินจากกองทุนคริปโต ETF โดยบิตคอยน์(BTC) ETF มีเงินไหลออกประมาณ 158.3 ล้านดอลลาร์ ขณะที่อีเธอเรียม(ETH) ETF ไหลออกอีก 76 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ETF ที่อิงกับริปเปิล(XRP) และโซลานา(SOL) กลับมีเงินไหลเข้าสุทธิ 13 ล้านดอลลาร์ และ 4 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ *แสดงถึงความเชื่อมั่นที่ยังคงอยู่ในสินทรัพย์บางรายการ*
ตลาดอนุพันธ์ยังคงผันผวนอย่างมาก โดยในช่วง 24 ชั่วโมงมีการบังคับปิดโพซิชันหรือ ‘การลิควิด’ ทั้งหมด 207 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3,064 ล้านบาท โดยเกือบ 66 ล้านดอลลาร์มาจากโพซิชัน Long และอีกกว่า 142 ล้านดอลลาร์จากโพซิชัน Short ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ที่เดิมพันราคาลงได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยเฉพาะในบิตคอยน์และอีเธอเรียมที่มีมูลค่าลิควิดสูงถึง 65 ล้านดอลลาร์ และ 58 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ *เป็นเครื่องชี้วัดถึงแรงฟื้นตัวอย่างรุนแรงในช่วงตลาดร่วงก่อนหน้า*
รายงานจาก CoinShares ยังระบุว่าการไหลออกของเงินทุนจากสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสูงถึง 952 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 14,097 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ถึง 900 ล้านดอลลาร์เกิดขึ้นที่สหรัฐเพียงประเทศเดียว ในจำนวนนี้ 555 ล้านดอลลาร์มาจากอีเธอเรียม และ 460 ล้านดอลลาร์จากบิตคอยน์ สวนทางกับโซลานาและริปเปิลที่ยังคงมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
*ความคิดเห็น* จากนักวิเคราะห์ระบุว่า การชะลอประกาศใช้กฎหมาย ‘Clarity Act’ ของรัฐสภาสหรัฐ เป็นอีกปัจจัยที่เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับนักลงทุนสถาบัน ซึ่งกำลังยึดกลยุทธ์ ‘หลีกเลี่ยงความเสี่ยง’
ในแง่มุมตลาดโลก ความไม่แน่นอนนี้ได้ส่งผลให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและเงินเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยทองคำพุ่งขึ้นเหนือ 4,400 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดตลอดกาล ส่วนเงินก็ซื้อขายใกล้จุดสูงสุดเช่นกัน
เหตุการณ์ทางการเมืองยังส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุน โดยทางการสหรัฐได้เปิดเผยเอกสารบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีเจฟฟรีย์ เอปสไตน์ แต่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากการเซนเซอร์ข้อมูลจำนวนมาก นอกจากนี้ การเจรจาสันติภาพระหว่างสหรัฐและยูเครนที่จัดขึ้นที่ไมอามีก็ยังไม่สามารถสรุปข้อตกลงใดๆ ได้ชัดเจน
*ความคิดเห็น* ปัจจัยภายนอกและเสถียรภาพทางการเมืองยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจส่งผลต่อทิศทางของตลาดคริปโตในระยะเวลาอันใกล้นี้
ความคิดเห็น 0