ปี 2025 ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมคริปโตทั่วโลก เมื่อหลายประเทศเริ่มปรับท่าทีด้านกฎระเบียบอย่างชัดเจนและเป็นมิตรมากขึ้น เปลี่ยนจากความไม่แน่นอนในอดีตสู่โครงสร้างการกำกับดูแลที่ชัดเจนและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ลดความคลุมเครือทางกฎหมาย แต่ยังเอื้อให้โครงการที่มีคุณภาพสามารถวางแผนธุรกิจและดำเนินกิจการได้อย่างมั่นใจ
สหรัฐอเมริกา: ก้าวแรกสู่กฎระเบียบระดับประเทศ
สหรัฐฯ เคยถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเขตอำนาจที่ท้าทายที่สุดสำหรับผู้ประกอบการคริปโต เนื่องจากแนวทางการบังคับใช้ผ่านการฟ้องร้อง ทำให้เกิดความไม่แน่นอนและผลักดันนวัตกรรมออกไปนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เปลี่ยนไปในเดือนกรกฎาคมเมื่อกฎหมาย GENIUS Act ผ่านความเห็นชอบ โดยถือเป็นกรอบกฎหมายกลางฉบับแรกสำหรับ ‘เหรียญมีเสถียรภาพ’ หรือ ‘Stablecoin’ ของประเทศ กฎหมายนี้กำหนดแนวทางที่ชัดเจนสำหรับการขอใบอนุญาตในระดับประเทศ ลดภาระการขออนุญาตแบบแยกรัฐ และลดต้นทุนการปฏิบัติตามกฎหมาย
สหภาพยุโรป: เปิดใช้งานระบบใบอนุญาตแบบพาสปอร์ต
แม้กฎหมาย MiCA จะผ่านตั้งแต่ก่อนหน้า แต่ในปี 2025 ได้มีการนำไปใช้อย่างเต็มรูปแบบ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม กฎหมายนี้เปิดทางให้ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตในประเทศสมาชิกหนึ่งประเทศ สามารถขยายบริการไปยังอีก 26 ประเทศในสหภาพยุโรปได้โดยไม่ต้องขอใบอนุญาตซ้ำ เช่น กิจการที่ได้รับอนุญาตในเนเธอร์แลนด์ สามารถให้บริการในเยอรมนีได้ทันที โดยในครึ่งปีแรก เยอรมนีได้ออกใบอนุญาตให้ผู้ให้บริการแล้ว 21 ราย
ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์: กรอบการออกใบอนุญาตแบบใหม่
ในเดือนพฤษภาคม หน่วยงานกำกับดูแลสินทรัพย์เสมือนแห่งดูไบ(VARA) ได้เปิดตัวกฎระเบียบฉบับปรับปรุง ซึ่งจัดโครงสร้างใหม่ให้ระบบใบอนุญาตชัดเจนและเป็นระบบมากขึ้น ภายใต้แนวคิด ‘กิจกรรมเป็นฐาน’ โดยครอบคลุมคำจำกัดความจำเป็นอย่าง ‘ผู้รับฝากทรัพย์สินที่เพียงพอ’ และมาตรฐานหลักประกัน นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดเส้นตายการปฏิบัติตามกฎในวันที่ 19 มิถุนายน ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจข้อกำหนดและลดความสับสนจากกฎที่คลุมเครือในอดีต
ฮ่องกง: กรอบกำกับสำหรับเหรียญมีเสถียรภาพ
หลังจากผ่านการทดลองใน Regulatory Sandbox โดยธนาคารกลางฮ่องกง(HKMA) ในปี 2024 ฮ่องกงได้ประกาศใช้กรอบกำกับดูแล Stablecoin ใหม่ในเดือนสิงหาคม ปี 2025 กรอบดังกล่าวมุ่งเน้นสำหรับผู้ออก Stablecoin ที่อิงกับสกุลเงินของรัฐบาล ลดปัญหาการตีความระหว่างสินทรัพย์เก็บมูลค่าและหลักทรัพย์แบบเดิม พร้อมทั้งกำหนดมาตรฐานเงินทุนสำรองและเงื่อนไขการควบคุมชัดเจน จุดเด่นคือการเพิ่มความชัดเจนด้านข้อยกเว้นการชักชวนจากต่างประเทศ เพื่อให้โปรโตคอล DeFi นานาชาติสามารถให้บริการโดยไม่ละเมิดกฎ
สหราชอาณาจักร: ระบบรวมศูนย์ภายใต้กฎหมายการเงินเดิม
กระทรวงการคลังอังกฤษ(HM Treasury) ได้เผยแพร่ร่างกฎหมายใหม่ในเดือนเมษายน ปี 2025 เพื่อรวมการกำกับดูแลคริปโตไว้ภายใต้กฎหมาย Financial Services and Markets Act (FSMA) ที่ใช้อยู่ก่อนแล้ว แนวทางนี้ได้รับการสานต่อโดยหน่วยงานกำกับหลักอย่าง FCA ผ่านเอกสารหารือในเดือนธันวาคม ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจที่อยู่ภายใต้กำกับเดิมสามารถขยายกิจกรรมสู่คริปโตได้ง่ายขึ้น ลดความยุ่งยากจากกฎเฉพาะทางเดิมที่แยกต่างหาก
*ความคิดเห็น* ในปีที่แล้ว โลกคริปโตอยู่ภายใต้ ‘ยุคของ ETF’ แต่ปีนี้เป็น ‘ยุคของใบอนุญาต’ อย่างแท้จริง รัฐบาลต่างเริ่มเข้าใจว่า กฎที่ชัดเจนไม่ใช่การลดมาตรฐาน แต่เป็นการยกระดับภาคธุรกิจ ด้วยกรอบ AML การดูแลผู้บริโภค และข้อกำหนดการรับฝากสินทรัพย์ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น แต่สามารถปฏิบัติได้จริง
ในปี 2025 เส้นทางสู่การขอใบอนุญาตไม่เคยชัดเจนขนาดนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ที่ออกกฎหมายระดับประเทศ สหภาพยุโรปที่เปิดระบบพาสปอร์ต หรือเขตเศรษฐกิจเฉพาะทางอย่างดูไบและฮ่องกง ส่งผลให้นักพัฒนาสามารถเลือก ‘ที่สร้าง’ ได้อย่างมีข้อมูลและมั่นใจมากขึ้น
ความคิดเห็น 0