บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 87,000 ดอลลาร์ในช่วงก่อนและหลังเทศกาลคริสต์มาส ส่งผลให้ตลาดคริปโตเผชิญกับภาวะ ‘ความหวาดกลัวอย่างรุนแรง’ จากภาวะสภาพคล่องต่ำในวันหยุดยาว ประกอบกับการไหลออกอย่างต่อเนื่องของเงินทุนจากกองทุน ETF ที่เกี่ยวข้อง ทำให้นักลงทุนต่างชะลอการตัดสินใจและรอดูทิศทางของตลาด
เมื่อวันที่ 25 ตามข้อมูลจาก XWIN ไฟแนนซ์ บิตคอยน์พยายามฟื้นตัวหลังร่วงลงต่ำกว่า 87,000 ดอลลาร์ แต่กลับเผชิญแรงขายรุนแรงในช่วง 88,000 - 89,000 ดอลลาร์ ซึ่งวิเคราะห์ว่าเป็นโซนขายที่เกิดจากการวางสถานะในตลาดออปชั่น โดยในวันเดียวกันประมาณ 2,900 BTC ถูกไถ่ถอนออกจาก ETF คิดเป็นมูลค่าราว 251 ล้านดอลลาร์ ขณะที่อีเธอเรียม(ETH) ต่างเผชิญกับสถานการณ์คล้ายคลึงกัน
สำนักข่าว CryptoPotato รายงานเมื่อวันที่ 24 ว่ามูลค่าการไหลเข้าสุทธิสะสมของ ETF บิตคอยน์ลดลงราว 6,000 ล้านดอลลาร์จากจุดสูงสุดในเดือนตุลาคม ส่วนฝั่งอีเธอเรียมก็ยังคงเห็นการไหลออกของเงินทุนต่อเนื่องเช่นกัน สะท้อนแนวโน้ม ‘ตลาดหมี’ ที่ยังคงกดดันกลุ่มสกุลเงินดิจิทัลขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม อัลท์คอยน์บางสกุลเริ่มแสดงสัญญาณสวนทาง โดยโซลานา(SOL) ยังคงมีเงินทุนไหลเข้าสู่ ETF อย่างต่อเนื่อง และริปเปิล(XRP) ก็มีการไหลเข้าสูงถึง 8 ล้านดอลลาร์ในการซื้อขายรอบล่าสุด สะท้อนถึงพฤติกรรมการเลือกลงทุนในกลุ่มที่มีศักยภาพสูง ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการกระจายตัวของกระแสนิยมจากบิตคอยน์ไปยังอัลท์คอยน์คุณภาพดี
ในส่วนของข้อมูลออนเชน XWIN ระบุว่ากระแสการโอนบิตคอยน์ของนักลงทุนขนาดใหญ่เข้าสู่ตลาดแตะระดับต่ำสุดในรอบระยะสั้น และ ‘ค่าทำลายวันของเหรียญ (CDD)’ ก็ลดลงต่อเนื่อง สื่อถึงการที่นักลงทุนระยะยาวยังคงถือครองเหรียญอยู่ นอกจากนี้ มูลค่าการไหลเข้าของสเตเบิลคอยน์ในตลาดแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 310,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่ามีเงินทุนรอจังหวะเข้าใหม่อยู่พอสมควร
แม้ภาพรวมจะเป็นลบ แต่ความคิดที่ว่าผู้ถือครองระยะยาวยังไม่ยอมขาย และเงินทุนสำรองยังคงรอจังหวะที่เหมาะสม แสดงถึง ‘ความพยายามในการประคับประคองตลาด’ อย่างน่าจับตามอง
ขณะเดียวกัน ‘ดัชนีความกลัวและความโลภ’ ล่าสุดอยู่ที่ 24 บ่งชี้ถึงภาวะ ‘ความหวาดกลัวอย่างสุดขีด’ โดยแนวโน้มการลดการใช้เลเวอเรจในแวดวง DeFi ยังคงปรากฏต่อเนื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคม อย่างไรก็ดี ตลาดทองคำและหุ้นสหรัฐต่างทำสถิติสูงสุดใหม่ ประกอบกับความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมกราคม ทำให้ภาพรวมมหภาคยังไม่ส่งผลลบโดยตรงต่อตลาดคริปโต
ด้วยภาวะสภาพคล่องต่ำช่วงสิ้นปี ทิศทางตลาดยังคงไม่ชัดเจน โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า หัวใจสำคัญอยู่ที่ ‘การเปลี่ยนแปลงกระแส ETF’ หรือปฏิกิริยาหลังตลาดออปชั่นหมดอายุ ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของแนวโน้มราคาในอนาคต ความเห็นระบุว่า *นักลงทุนควรเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนที่อาจเพิ่มขึ้นในระยะสั้น*
ความคิดเห็น 0