เครือข่ายบล็อกเชน ‘โฟลว์(FLOW)’ ตกเป็นประเด็นร้อน หลังพิจารณาจะย้อนข้อมูลเครือข่ายเพื่อลดความเสียหายจากเหตุแฮ็กครั้งใหญ่คิดเป็นมูลค่าสูงถึงกว่า 55.9 ล้านบาท แนวทางดังกล่าวกลับสร้างความไม่พอใจในหมู่พาร์ตเนอร์และชุมชน เนื่องจาก ‘ขัดแย้ง’ กับหลักการสำคัญของบล็อกเชนอย่าง ‘ความไม่เปลี่ยนแปลง (immutability)’
เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม จากช่องโหว่ที่ชั้นการประมวลผลของเครือข่าย ปล่อยให้แฮ็กเกอร์ส่งถ่ายสินทรัพย์ออกจากระบบได้สำเร็จ คิดเป็นมูลค่าราว 3.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โฟลว์รีบส่งคำขอระงับบัญชีไปยังตลาดซื้อขายและผู้ออกเหรียญ Stablecoin เพื่อป้องกันความเสียหายลุกลาม
ข้อมูลจากโฟลว์ระบุว่า แฮ็กเกอร์ใช้กระเป๋าเงินบนเครือข่ายอีเธอเรียมร่วมกับโปรโตคอลครอสเชนอย่าง Chainflip และ Thorchain เพื่อพยายามฟอกเหรียญที่ได้มา แต่ทางทีมพัฒนาระบุว่ากำลัง ‘ติดตามกิจกรรมแบบเรียลไทม์’ จากนั้นได้นำเสนอแนวทาง "ย้อนสถานะเครือข่าย (Chain Rollback)" ไปยังช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุ
แต่ข้อเสนอดังกล่าวกลับเจอ ‘แรงต้าน’ ทันที โดยเฉพาะจากบริษัทที่ดำเนินการบริดจ์อย่าง deBridge ซึ่งผู้ก่อตั้ง ‘อเล็กซ์ สมิร์นอฟ(Alex Smirnov)’ แสดงความไม่พอใจผ่านโซเชียล โดยระบุว่า “ทราบเรื่องจากประกาศ ไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า”
สมิร์นอฟระบุว่าหากมีการย้อนข้อมูล จะส่งผลให้ผู้ใช้จำนวนหนึ่งได้รับผลกระทบ อาจกลายเป็นความเสียหายซ้ำซ้อน เช่น คนที่โอนเงินในช่วงเวลาดังกล่าวจะสูญเสียยอดเงิน จากการย้อนสถานะเป็นก่อนธุรกรรม แต่ผู้ที่ได้รับโอนกลับไม่ได้รับสินทรัพย์ใด ๆ ‘ขาดกลไกเยียวยา’ อย่างสิ้นเชิง
แม้โฟลว์จะอ้างว่าพยายามประสานกับพาร์ตเนอร์ แต่หลายฝ่ายชี้ว่า ‘การสื่อสารขาดความโปร่งใส’ จนทำให้เกิดความหวาดระแวงในระดับระบบ และกระทบต่อความไว้วางใจในเครือข่ายโดยรวม
ขณะเดียวกัน ‘โฟลว์(FLOW)’ ก็ถูกกระหน่ำขายอย่างหนัก ราคาดิ่งลงถึงกว่า 40% ภายในหนึ่งวัน และมูลค่ารวมทรัพย์สินที่ล็อกไว้(TVL) บนเครือข่ายก็ลดฮวบ จาก 107 ล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 73.8 ล้านดอลลาร์ ก่อนจะฟื้นกลับมาแตะระดับ 97.2 ล้านดอลลาร์ แต่ก็ ‘ยังต่ำกว่าก่อนเกิดเหตุอย่างมาก’
ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้น โฟลว์จึงตัดสินใจ ‘ยุติแผนย้อนข้อมูล’ และในวันที่ 29 ธันวาคม ได้ประกาศแนวทางใหม่คือ ‘การจำกัดผลกระทบเฉพาะจุด’ โดยจะติดตามและลบเฉพาะโทเคนที่แฮ็กเกอร์สร้างขึ้นมาอย่างผิดปกติ ส่วนธุรกรรมของผู้ใช้ปกติจะคงไว้เหมือนเดิม
แนวทางนี้ผ่านการหารือกับบริษัทบริดจ์ ตลาดซื้อขาย และตัวตรวจสอบบล็อก(Validator) โดยเฉพาะ ‘แดปเปอร์ แล็บส์(Dapper Labs)’ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาหลักของโฟลว์ ก็แสดงการสนับสนุนเช่นกัน ทางมูลนิธิโฟลว์ยืนยันว่า "99.9% ของบัญชีผู้ใช้จะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ"
ระบบจะค่อยๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยอยู่ใน ‘โหมดเฝ้าระวัง’ พร้อมปรับปรุงซอฟต์แวร์เพิ่มเติมเพื่อป้องกันเหตุในอนาคต ทั้งนี้ทางทีมจะให้ ‘อัปเดตเป็นระยะ’ เพื่อคงความโปร่งใส
*ความคิดเห็น:* กรณีโฟลว์ถือเป็นสัญญาณเตือนชัดเจนว่า บล็อกเชนที่มี ‘ความไม่เปลี่ยนแปลง’ และ ‘การกระจายอำนาจ’ เป็นเสาหลัก ก็ยังคงเผชิญการตัดสินใจแบบ ‘รวมศูนย์’ ในยามวิกฤตได้ ความเชื่อมั่นและความโปร่งใสจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับนักลงทุนในการประเมินโครงการในอนาคต
ความคิดเห็น 0