สถาบันลงทุนย้ายเงินจากบิตคอยน์(BTC) อย่างชัดเจน โดยเงินทุนกว่า 70.2 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,011 พันล้านวอน ได้ไหลเข้าสู่ผลิตภัณฑ์การลงทุนในริปเปิล(XRP) ท่ามกลางกระแสขายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวม เป็นสัญญาณที่ชี้ถึงการจัดสรรสินทรัพย์ใหม่ในมุมมองของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน
เมื่อวันที่ 24 ตามรายงานของ CoinShares บริษัทวิจัยด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดการถอนเงินออกจากตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลถึง 446 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะสินทรัพย์ในบิตคอยน์ที่มีการไหลออกมากถึง 443 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม ด้านอีเธอเรียม(ETH) ก็ถูกถอนเงินออกไปถึง 59.3 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ในกระแสการขายนี้ ริปเปิลและโซลานา(SOL) กลับทำผลงานได้โดดเด่น โดยริปเปิลมีเม็ดเงินไหลเข้า 70.2 ล้านดอลลาร์ ส่วนโซลานามีเงินทุนเข้า 7.5 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นเพียงสองสินทรัพย์ที่ยังมีการลงทุนสุทธิในเชิงบวก
‘ความคิดเห็น’: ความสนใจของสถาบันต่อ XRP เกิดจากการมองเห็นโอกาสใหม่ภายใต้นโยบายที่ชัดเจนมากขึ้น แทนที่จะยึดติดอยู่กับสินทรัพย์ขนาดใหญ่ที่เผชิญความไม่แน่นอน
เจมส์ บัตเตอร์ฟิลด์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยจาก CoinShares ระบุว่าภายหลังการเปิดตัวกองทุน ETF แบบสปอต ปริมาณเงินทุนที่หลั่งไหลเข้าสู่ XRP และโซลานาแตะระดับ 1.07 พันล้านดอลลาร์ และ 1.34 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับ ตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เน้น ‘ความชัดเจนทางกฎระเบียบ’ ในสินทรัพย์เฉพาะกลุ่ม ซึ่งขัดแย้งกับแนวโน้มโดยรวมของตลาดที่อยู่ในภาวะอ่อนแอ
ในเชิงภูมิศาสตร์ การเคลื่อนย้ายเงินทุนก็สะท้อนความแตกต่างเช่นกัน โดยในสหรัฐ สถาบันลงทุนเทขายสินทรัพย์อย่างหนัก สัปดาห์ที่แล้วเพียงสหรัฐก็มีการไหลออกของเงินถึง 460 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกเชื่อมโยงกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและนโยบายทางภาษีเทรด ส่วนทางฝั่งเยอรมนี นักลงทุนกลับใช้จังหวะตลาดขาลงเป็นโอกาสในการซื้อ โดยเม็ดเงิน 35.7 ล้านดอลลาร์หลั่งไหลเข้าสู่กองทุนจากเยอรมนี และยอดลงทุนสะสมของเดือนนี้รวมสูงถึง 248 ล้านดอลลาร์ แสดงถึงความมั่นใจในตลาดของนักลงทุนยุโรป
อีกหนึ่งตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนความร้อนแรงของ XRP คือ ETF รายการใหม่ที่จัดตั้งโดยบริษัทจัดการลงทุน ‘แฟรงคลิน เทมเปิลตัน’ ซึ่งดึงดูดเม็ดเงินลงทุนมากถึง 28.6 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์เดียว ซึ่งนับว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นในวงการกองทุนคริปโต
‘ความคิดเห็น’: นักวิเคราะห์ชี้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นการเก็งกำไรจาก ‘ความแตกต่างด้านข้อบังคับ’ หรือ regulatory arbitrage โดยถอนการลงทุนออกจาก BTC และ ETH ที่เติบโตเต็มที่แล้ว และเบนเข็มสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูงภายใต้กรอบกฎหมายที่ชัดเจน
เทรนด์การจัดพอร์ตใหม่เช่นนี้ น่าจะยังไม่จบลงง่าย ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่ความไม่แน่นอนด้านอัตราภาษีนำเข้าและเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐยังไม่ถูกแก้ไข สถาบันในยุโรปยังคงเพิ่มความมั่นใจในการลงทุน ส่วนกลุ่มสหรัฐกลับลดความเสี่ยงเพื่อรับมือกับความผันผวนในไตรมาสแรก
มุมมองของตลาดตอนนี้คือสถาบันกำลังถอยห่างจากสินทรัพย์หลัก และกระจายไปยังโปรเจกต์ที่ ‘มีอนาคต’ และ ‘กฎระเบียบชัดเจน’ โดยการเคลื่อนไหวนี้อาจจะยืดเยื้อไปถึงต้นปีหน้า จนกว่าบรรยากาศเศรษฐกิจระดับโลกจะเริ่มมีความมั่นคงอีกครั้ง
ความคิดเห็น 0