ประธานาธิบดีทรัมป์ได้สั่งให้กลุ่มยุทธศาสตร์สินทรัพย์ดิจิทัลจัดทำแผนการถือครองสกุลเงินดิจิทัลของชาติ ซึ่งรวมถึงบิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL) และริปเปิล(XRP) อย่างไรก็ตาม หลังการประกาศดังกล่าว ตลาดคริปโตเคอเรนซีมีความผันผวน โดยราคาพุ่งขึ้นในระยะสั้นก่อนจะปรับตัวลงภายใน 24 ชั่วโมง ส่งผลให้บางฝ่ายกังวลว่านี่อาจเป็นสัญญาณจบของตลาดกระทิง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนชี้ว่า แนวโน้มขาขึ้นของบิตคอยน์ยังไม่จบ โดยอ้างอิงจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ที่มักส่งผลต่อราคาบิตคอยน์ที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น ในช่วงตลาดกระทิงปี 2017 และ 2021 ราคาบิตคอยน์เคยแตะจุดสูงสุดเมื่อ PMI เข้าใกล้ระดับสูงสุดเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อต้นปีที่ผ่านมา PMI ได้กลับเข้าสู่ช่วงขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบสองปี ซึ่งอาจเป็นสัญญาณการเติบโตทางเศรษฐกิจเกี่ยวข้องกับตลาดคริปโต ลูล ปาล(Raoul Pal) ผู้ก่อตั้ง Real Vision ระบุว่า “ตามแนวโน้มของ PMI ราคาสูงสุดของบิตคอยน์อาจเกิดขึ้นในปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026”
ในขณะเดียวกัน กลยุทธ์การถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลของรัฐบาลได้รับความสนใจจากผู้บริหารอุตสาหกรรมคริปโต โดยไบรอัน อาร์มสตรอง(Brian Armstrong) ซีอีโอของคอยน์เบส(Coinbase) และไทเลอร์ วิงเคิลวอส(Tyler Winklevoss) ผู้ร่วมก่อตั้งเจมิไน(Gemini) ได้แสดงท่าทีว่า ‘บิตคอยน์เท่านั้น’ ควรเป็นตัวเลือกหลัก วิงเคิลวอสกล่าวว่า “ปัจจุบัน บิตคอยน์เพียงอย่างเดียวสามารถทำหน้าที่เป็นทองคำดิจิทัลได้” ในขณะที่อาร์มสตรองยืนยันว่า “บิตคอยน์คือสินทรัพย์สำรองที่เหมาะสมที่สุดสำหรับชาติ”
ในอีกด้านหนึ่ง บริษัทร่วมลงทุนจากญี่ปุ่น เมตาแพลนเน็ต(Metaplanet) ได้ฉวยโอกาสจากการปรับฐานของตลาด ด้วยการซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก 497 BTC ที่ราคาเฉลี่ย 88,448 ดอลลาร์ เพิ่มยอดถือครองของบริษัทเป็น 2,888 BTC นักวิเคราะห์มองว่า เมตาแพลนเน็ตกำลังกลายเป็น ‘ไมโครสตราเทจีแห่งเอเชีย’
อย่างไรก็ตาม แรงกดดันของตลาดไม่ได้ส่งผลบวกต่อทุกภาคส่วน โดยบรรดาบริษัทขุดบิตคอยน์เผชิญความยากลำบาก JPมอร์แกน(JP Morgan) รายงานว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ หุ้นของบริษัทเหมืองขุดคริปโตลดลงเฉลี่ย 22% และบางบริษัทเผชิญกับปัญหาการลดลงของอัตรากำไร ยิ่งไปกว่านั้น หลังการลดรางวัลบล็อก(Halving) ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว รายได้รวมของผู้ขุดลดลง 46% และกำไรขั้นต้นลดลงถึง 57%
แม้ว่าบิตคอยน์จะยังได้รับการคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มเชิงบวกในระยะยาว แต่ในระยะสั้น ตลาดยังคงเผชิญกับความผันผวนและความไม่แน่นอนด้านนโยบาย นักลงทุนจึงอาจต้องใช้ความระมัดระวังในการบริหารความเสี่ยง
ความคิดเห็น 0