บนแพลตฟอร์มไบแนนซ์(Binance) ส่วนแบ่งตลาดของเหรียญยูเอสดีคอยน์(USDC) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของเตเทอร์(USDT) ซึ่งแนวโน้มนี้เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมาย ‘ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล (MiCA)’ ของสหภาพยุโรป(EU) ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมคริปโตโดยรวม
จากข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์ตลาดคริปโต ‘คริปโตควอนต์(CryptoQuant)’ พบว่า เมื่อปีที่แล้ว USDC มีส่วนแบ่งในธุรกรรมสเตเบิลคอยน์บนไบแนนซ์อยู่ที่เพียง 0.48% เท่านั้น แต่ล่าสุดได้พุ่งขึ้นถึง 8.26% ซึ่งคิดเป็นอัตราเติบโตที่สูงถึง 1,621% ในทางกลับกัน USDT ที่ครองตลาดเดิม กลับมีส่วนแบ่งลดลงจาก 68.67% ขณะที่เหรียญสเตเบิลคอยน์อื่นๆ เช่น เฟิร์สต์ดิจิทัลยูเอสดี(FDUSD) ก็กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในตลาด
ปัจจัยหลักที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงนี้คือกฎหมาย MiCA ซึ่งมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทำให้สเตเบิลคอยน์ที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดไม่สามารถซื้อขายในตลาดยุโรปได้ ด้วยเหตุนี้ ไบแนนซ์จึงมีแผนจะถอดถอนการซื้อขาย USDT ในยุโรปภายในวันที่ 31 มีนาคม ส่งผลให้ USDC กลายเป็นตัวเลือกหลักที่มีแนวโน้มมาแทนที่
ในขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นก็กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ USDC โดยเมื่อเร็วๆ นี้ SBI VC เทรด(SBI VC Trade) ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานบริการทางการเงินของญี่ปุ่น(JFSA) ในฐานะผู้ให้บริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์(EPP) ทำให้ USDC กลายเป็นสเตเบิลคอยน์ดอลลาร์สหรัฐตัวแรกที่ได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการสำหรับการใช้ในประเทศ
ด้านเตเทอร์เองได้แสดงความกังวลว่ากฎหมาย MiCA ถูกบังคับใช้อย่างรวดเร็วเกินไป ซึ่งอาจสร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาด เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์นี้ เตเทอร์ได้ขยายการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัทฟินเทคของเนเธอร์แลนด์อย่าง ‘ควอนโตส(Quantoz)’ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเหรียญ EURQ และ USDQ ที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของ MiCA โดยสินทรัพย์เหล่านี้อาจกลายเป็นเครื่องมือสำคัญของเตเทอร์ในตลาดยุโรปในอนาคต
ขณะนี้ ตลาดคริปโตกำลังจับตาดูว่า การเติบโตของ USDC จะเป็นเพียงกระแสชั่วคราว หรือจะสามารถครองตลาดสเตเบิลคอยน์ในยุโรปและญี่ปุ่นได้ในระยะยาว ซึ่งอาจพลิกโฉมโครงสร้างตลาดสเตเบิลคอยน์ทั่วโลก
ความคิดเห็น 0