ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น นักลงทุนแห่ถอนเงินจากสินทรัพย์เสี่ยง
เจพีมอร์แกน ปรับเพิ่ม ‘โอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย’ ในสหรัฐฯ ปีนี้จาก 30% เป็น 40% ท่ามกลางบรรยากาศความไม่แน่นอนของตลาด ดัชนีหลักในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง S&P 500, แนสแด็ก และดาวโจนส์ ต่างปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อวันที่ 10 มีนาคม (เวลาท้องถิ่น) นอกจากนี้ โกลด์แมนแซคส์ก็ปรับเพิ่มความเป็นไปได้ของภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายใน 12 เดือนเป็น 20% ขณะที่มอร์แกนสแตนลีย์ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP สหรัฐฯ ปีนี้เหลือเพียง 1.5% และคาดว่าจะชะลอตัวลงเหลือ 1.2% ภายในปี 2026
แม้จะมีแนวโน้มเศรษฐกิจที่ซบเซา แต่ทำเนียบขาวยังคงมองโลกในแง่ดี เควิน แฮสเซ็ตต์ ประธานสภาเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯ (NEC) ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า “มุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงอยู่” ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ก็กล่าวผ่าน Fox News ว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นเพียง “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” และนโยบายของรัฐบาลจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาว
ในด้านตลาดทุน หุ้นเทคโนโลยีและสกุลเงินดิจิทัลได้รับผลกระทบหนัก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดในแดนลบเมื่อวันที่ 10 มีนาคม โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลง 2.7% แตะระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว ส่วนแนสแด็กร่วงลง 4% โดยเฉพาะเทสลา(TSLA) ที่ร่วงลงอย่างหนักถึง 15% กลายเป็นหุ้นที่มีผลการดำเนินงานแย่ที่สุดในดัชนี S&P 500 นอกจากนี้ หุ้นของเอ็นวิเดีย(NVDA), แอปเปิล(AAPL), เมตา(META) และอัลฟาเบท(GOOGL) ต่างลดลงในช่วง 4-5%
ตลาดคริปโตเคลื่อนตัวลงเช่นกัน เมื่อวันที่ 11 มีนาคม มูลค่าตลาดรวมของคริปโตตกลง 7.5% เหลือ 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,796 ล้านล้านวอน) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้มูลค่าหายไปกว่า 2.4 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 350 ล้านล้านวอน) ภายในสองวัน บิตคอยน์(BTC) ลดลง 4% ลงแตะระดับ 76,784 ดอลลาร์ ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ 79,000 ดอลลาร์
จากสัญญาณความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและคำเตือนของเจพีมอร์แกน ตลาดการเงินยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน นักลงทุนจับตานโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ว่าจะมีแนวทางอย่างไรต่อไป
ความคิดเห็น 0