หลังจากการต่อสู้ทางกฎหมายยาวนานกว่า 4 ปีระหว่างคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) และริปเปิล(XRP) ในที่สุดก็ได้ข้อยุติ ซึ่งส่งผลให้เกิดความสนใจอย่างมากต่อทิศทางราคาของ XRP และแผนการในอนาคตของริปเปิล คำตัดสินในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังดำเนินนโยบายที่เป็นมิตรกับอุตสาหกรรมคริปโตมากขึ้น
แบรด การ์ลิงเฮาส์ ซีอีโอของริปเปิลประกาศระหว่างการประชุมสุดยอดสินทรัพย์ดิจิทัลที่นิวยอร์กว่า "นี่คือการเปิดศักราชใหม่ของประวัติศาสตร์คริปโต" พร้อมยืนยันว่าคดีนี้ได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ โดยคดีดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 เมื่อ SEC กล่าวหาริปเปิลว่าขาย XRP มูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 46,800 ล้านบาท) โดยไม่ได้ลงทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ในปี 2023 ผู้พิพากษาอนาลิซา ตอร์เรส แห่งศาลรัฐบาลกลางสหรัฐมีคำพิพากษาว่าการขาย XRP ให้กับนักลงทุนสถาบันถือเป็นการละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ แต่การซื้อขายในตลาดรองสำหรับนักลงทุนทั่วไปไม่เข้าข่ายดังกล่าว ทำให้ SEC สั่งปรับริปเปิลเป็นเงิน 125 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,500 ล้านบาท) และเรื่องราวยืดเยื้อมาจนถึงการอุทธรณ์
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่าคำตัดสินนี้มีความเกี่ยวพันกับแนวทางที่เป็นมิตรต่อคริปโตของทรัมป์ ริปเปิลและทีมผู้บริหารของบริษัทมีรายงานว่าบริจาคเงินมากกว่า 70 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,520 ล้านบาท) ให้กับแคมเปญเลือกตั้งของทรัมป์ ซึ่งอาจมีส่วนทำให้ SEC ล้มเลิกการฟ้องร้องบริษัทคริปโตหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมา
ข่าวการสิ้นสุดคดีส่งผลให้ราคาของ XRP พุ่งขึ้นมากกว่า 10% ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของตลาด นักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ว่า XRP อาจวิ่งทะลุ 5 ดอลลาร์ ภายในปี 2025
ริปเปิลวางแผนใช้คำตัดสินนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการเร่งการเสนอขายหุ้น IPO และดึงดูดนักลงทุนสถาบัน โดยล่าสุดบริษัทถูกประเมินมูลค่าอยู่ที่ 11.3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.07 แสนล้านบาท) และกำลังขยายความร่วมมือกับสถาบันการเงินระดับโลก ขณะนี้ ริปเปิลมีพันธมิตรมากกว่า 300 แห่ง และอาจเดินหน้าร่วมมือกับธนาคารขนาดใหญ่อย่างแบงก์ออฟอเมริกา, อเมริกันเอ็กซ์เพรส และซานทานแดร์
นอกจากนี้ ธุรกิจ CBDC (สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง) ของริปเปิลก็มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันบริษัทกำลังดำเนินโครงการนำร่องในหลายประเทศ เช่น โคลอมเบียและปาเลา และคาดว่าจะขยายโครงการมากขึ้นหลังจากได้รับข้อยุติทางกฎหมาย ทั้งนี้ ริปเปิลยังเปิดตัวสเตเบิลคอยน์ RLUSD ที่เริ่มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการออกเหรียญรวมแล้ว 28.2 ล้าน RLUSD
หลังจากการปิดคดี นักลงทุนเริ่มคาดการณ์ถึงโอกาสที่ XRP จะได้รับการอนุมัติเป็นกองทุน ETF ในอนาคต เพราะอุปสรรคด้านกฎระเบียบลดลง และความสนใจจากนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้น เมื่อความเสี่ยงทางกฎหมายหมดไป ศักยภาพในการเติบโตของริปเปิลและมูลค่าของ XRP ก็กลายเป็นจุดสนใจของตลาดมากขึ้น
ความคิดเห็น 0