ปัญหาด้าน ‘ความปลอดภัย’ กลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการนำ ‘คริปโต’ มาใช้ในการชำระเงิน
เมื่อวันที่ 19 บิทเก็ต วอลเล็ท(Bitget Wallet) เปิดเผยรายงานออนเชนระบุว่า ในการสำรวจความคิดเห็นจากผู้ใช้ 4,599 ราย พบว่า 37% มองว่า ‘ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย’ เป็นอุปสรรคหลักที่ขัดขวางการใช้งาน ‘คริปโต’ เพื่อชำระเงิน เนื่องจากการโจมตีทางไซเบอร์และการหลอกลวงผ่านฟิชชิงที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้ใช้ลดลง
อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจเดียวกัน พบว่า 46% ของผู้ตอบแบบสอบถามยังคงให้ความสนใจกับ ‘คริปโต’ สำหรับการทำธุรกรรม เนื่องจากความเร็วและประสิทธิภาพ นี่สะท้อนให้เห็นว่าถึงแม้จะมี ‘ความกังวลด้านความปลอดภัย’ แต่ความต้องการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลยังคงอยู่ในระดับสูง
อัลวิน คาน(Alvin Kan) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ(COO) ของ บิทเก็ต วอลเล็ท กล่าวว่าบริษัทได้ดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัย ผ่านการนำ ‘ระบบป้องกันหลายชั้น’ มาใช้ โดยปัจจุบันแพลตฟอร์มได้เปิดใช้งานฟีเจอร์ป้องกัน MEV(Mev Protection) บนบล็อกเชนหลัก เช่น อีเธอเรียม(ETH), บีเอ็นบีเชน(BNB Chain) และโซลานา(SOL) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ ‘ฟรอนต์รันนิ่ง’ และ ‘แซนด์วิชแอทแทค’
นอกจากนี้ บิทเก็ต วอลเล็ท ยังได้เปิดตัว ‘เก็ตชิลด์(GetShield)’ ซึ่งเป็นเอนจินสำหรับสแกนและตรวจสอบธุรกรรมอัตโนมัติ เพื่อป้องกันกิจกรรมที่เป็นอันตราย เช่น ‘สมาร์ตคอนแทรกต์ที่เป็นอันตราย’ และ ‘แอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยง’ พร้อมกันนี้ บริษัทยังจัดสรร ‘กองทุนคุ้มครองผู้ใช้’ มูลค่า 300 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 10,800 ล้านบาท) เพื่อรองรับกรณีเกิดความเสียหายจากปัญหาด้านแพลตฟอร์ม
ขณะเดียวกัน ‘การโจมตีแบบ Address Poisoning’ ได้กลายเป็นภัยคุกคามใหม่ในตลาดคริปโต โดยแฮกเกอร์ใช้กลไกหลอกลวงให้เหยื่อส่งสินทรัพย์ไปยังที่อยู่ปลอม ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับที่อยู่ที่พวกเขาเคยใช้งานแล้ว รายงานระบุว่า ในช่วงสามสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม ผู้ใช้สูญเสียเงินไปกว่า 1.2 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 42 ล้านบาท) จากการโจมตีลักษณะนี้
ผลสำรวจยังเผยว่าผู้ใช้แต่ละช่วงวัยมีมุมมองที่แตกต่างกัน โดยกลุ่ม Gen X ให้ความสำคัญกับ ‘ความปลอดภัย’ เป็นอันดับแรก ขณะที่ Gen Z ให้ความสำคัญกับ ‘ความสะดวกในการใช้งาน’ และ ‘ความคุ้มค่า’ มากกว่า
ภายใต้แนวโน้มนี้ แอฟริกา(52%) และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(51%) ถูกจัดให้เป็นภูมิภาคที่มีความสนใจในการนำ ‘คริปโต’ มาใช้ชำระเงินมากที่สุด เนื่องจากมีค่าธรรมเนียมการโอนเงินที่สูง และการเข้าถึงบริการธนาคารแบบดั้งเดิมยังมีข้อจำกัด
บิทเก็ต วอลเล็ท กำลังให้บริการกระเป๋าเงินแบบกระจายศูนย์(Decentralized Wallet) ที่รองรับมากกว่า 130 บล็อกเชนและสเตเบิลคอยน์ เพื่อให้ผู้ใช้ในพื้นที่ที่ขาดการเข้าถึงบริการธนาคารแบบดั้งเดิม สามารถทำธุรกรรมได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น
ในลาตินอเมริกา ค่าธรรมเนียมธุรกรรมธนาคารที่สูงก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นให้ ‘คริปโต’ ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยในปี 2024 อัตราค่าธรรมเนียมเฉลี่ยของการโอนเงินผ่านธนาคารแบบดั้งเดิมในภูมิภาคนี้อยู่ที่ 7.34%
แม้ว่าบริการชำระเงินด้วย ‘คริปโต’ จะต้องเผชิญกับปัญหาด้าน ‘ความปลอดภัย’ แต่ด้วย ‘ความเร็ว’ และ ‘ความสะดวกในการเข้าถึง’ จึงทำให้ความต้องการยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตอุตสาหกรรมนี้จำเป็นต้องพัฒนา ‘เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัย’ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเพื่อสร้าง ‘ความเชื่อมั่น’ และส่งเสริมการใช้งานคริปโตในการทำธุรกรรมระดับสากล
ความคิดเห็น 0