ตลาดซื้อขายคริปโตตะวันตกกำลังรุกตลาดเอเชียด้วยกลยุทธ์ใหม่
ตามรายงานล่าสุดของ ไทเกอร์รีเสิร์ช(Tiger Research) โรบินฮูด(Robinhood) และ คอยน์เบส(Coinbase) กำลังใช้แนวทางที่เป็นมิตรต่อกฎระเบียบเพื่อขยายธุรกิจในเอเชีย พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์ท้องถิ่น ในขณะเดียวกัน ตลาดคริปโตในเอเชียก็กำลังเพิ่มขีดความสามารถของตนเองด้วยระบบรองรับเงินตราท้องถิ่นและการปรับตัวให้เข้ากับกฎระเบียบในภูมิภาค
ไทเกอร์รีเสิร์ช ระบุว่า ตลาดซื้อขายคริปโตระดับโลกกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อเข้าสู่ตลาดเอเชียที่มีศักยภาพเติบโตสูง โรบินฮูดได้เข้าซื้อกิจการของ บิทสแตมป์(Bitstamp) ด้วยมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ และอาศัยใบอนุญาตหลักจาก หน่วยงานกำกับดูแลสิงคโปร์(MAS) เพื่อเจาะตลาดเอเชีย ซึ่งเป็นการดำเนินการเชิงอนุรักษ์นิยมที่เน้นไปที่ความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อการดำเนินงานที่มั่นคง
ในขณะที่ คอยน์เบส เดินหน้าขยายตลาดเอเชียด้วยการใช้โครงสร้างพื้นฐานของสเตเบิลคอยน์ โดยมุ่งเน้นไปที่ฟิลิปปินส์และไทย ซึ่งมีการพัฒนาโครงการเชื่อมโยงเงินตราท้องถิ่นกับสเตเบิลคอยน์ ในไทย คอยน์เบสกำลังทดลองใช้งานสเตเบิลคอยน์ภายใต้โครงการ ‘ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์(PHUKET Sandbox)’ ส่วนในฟิลิปปินส์ ธนาคารกลางของประเทศได้อนุมัติให้มีการทดลองใช้สเตเบิลคอยน์ที่อิงกับเงินเปโซ(₱) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปิดรับเทคโนโลยีคริปโตในระดับประเทศ
กฎระเบียบที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศยังส่งผลต่อแนวทางการเจาะตลาดของบริษัทตะวันตก ในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น แพลตฟอร์มภายในประเทศครองตลาดอย่างเข้มแข็ง ภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวด โดยในเกาหลีใต้ อัพบิต(Upbit) และ บิทซัม(Bithumb) คุมตลาดอย่างเหนียวแน่น ขณะที่ญี่ปุ่นก็มี บิทฟลายเออร์(BitFlyer) และ คอยน์เช็ค(Coincheck) เป็นผู้เล่นหลัก อย่างไรก็ตาม ประเทศอย่างเวียดนามและไทยยังเปิดโอกาสให้แพลตฟอร์มต่างชาติเติบโตได้
ไทเกอร์รีเสิร์ช ชี้ให้เห็นว่า สำหรับตลาดเอเชีย แพลตฟอร์มคริปโตตะวันตกต้องพิจารณามากกว่าแค่การขยายธุรกิจ แต่ควรมีการปรับกลยุทธ์เพื่อให้เหมาะสมกับกฎระเบียบและพฤติกรรมของผู้ใช้ในแต่ละประเทศ ดังจะเห็นได้จากโรบินฮูดและคอยน์เบส ที่ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งในตลาดใหม่
ความคิดเห็น 0