OpenAI คาดการณ์รายได้ปีนี้แตะ 127,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมตั้งเป้าทะลุ 294,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2025
เมื่อวันที่ 26 (เวลาท้องถิ่น) Bloomberg รายงานว่า OpenAI ตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2025 ไว้ที่ 294,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 42.9 ล้านล้านวอน) เพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่าจากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 127,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 18.5 ล้านล้านวอน)
OpenAI ซึ่งเป็นผู้พัฒนา ChatGPT ทำรายได้หลักจากบริการสมัครสมาชิก AI ระดับพรีเมียม ปัจจุบัน ChatGPT เวอร์ชันสำหรับองค์กรมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเกิน 1 ล้านรายนับตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา และล่าสุดได้เปิดตัวแพ็กเกจ ChatGPT Pro ในราคา 200 ดอลลาร์ต่อเดือนเพื่อรองรับความต้องการของตลาด
อย่างไรก็ตาม OpenAI คาดการณ์ว่ากระแสเงินสดของบริษัทจะยังไม่นิ่งจนถึงปี 2029 แม้ว่าจะคาดการณ์รายได้ต่อปีแตะ 125,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 182.3 ล้านล้านวอน) ในปีเดียวกัน แต่ต้นทุนการพัฒนาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้องหาทุนเพิ่มเติม ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างการปิดดีลระดมทุนมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 58.3 ล้านล้านวอน) ที่นำโดย SoftBank ซึ่งทำให้มูลค่าของ OpenAI สูงถึง 300,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 437.5 ล้านล้านวอน)
ในขณะเดียวกัน บริษัท AI จากจีนกำลังเร่งเครื่องไล่ตาม OpenAI อย่างต่อเนื่อง เมื่อต้นปีนี้ DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดล ‘R-1’ ที่เทียบเท่า ChatGPT ตามมาด้วยการพัฒนาโมเดล AI จากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน เช่น ByteDance, Baidu, Alibaba และ Tencent โดย Baidu เปิดตัว ‘Ernie X1’ ขณะที่ Alibaba นำเสนอโมเดล AI แบบโอเพนซอร์ส ส่วน Tencent ผลักดัน AI chatbot ผ่านบริษัทลูก Ant Group นอกจากนี้ DeepSeek เพิ่งเปิดตัวโมเดล ‘DeepSeek-V3-0324’ เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันในตลาด
นักลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่าง บาลาจี ศรีนิวาสัน วิเคราะห์ว่า “จีนมีแนวโน้มปรับแต่งเทคโนโลยี AI ให้เหมาะสมกับตลาดท้องถิ่นหลังจากศึกษาและเลียนแบบโมเดลต่างประเทศ” ส่วน หลี่ ไข่ฝู ซีอีโอของ 01.AI ให้สัมภาษณ์กับ Reuters ว่า “เมื่อสามเดือนก่อน บริษัท AI ในจีนยังตามหลังเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ อย่างน้อย 6-9 เดือน แต่ปัจจุบันระยะห่างดังกล่าวลดเหลือเพียง 3 เดือน”
เพื่อรักษาความได้เปรียบ OpenAI กำลังเดินหน้าเปิดตัว GPT-4.5 และ GPT-5 โดย แซม อัลท์แมน ซีอีโอของบริษัท ระบุว่า "ผู้ใช้บริการ ChatGPT Plus และ Pro จะได้สัมผัสประสบการณ์ AI ที่ฉลาดขึ้นเร็ว ๆ นี้" พร้อมกับฟีเจอร์ใหม่อย่างเสียง ค้นหา และการวิจัยเชิงลึก
ด้วยการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาด AI นอกจาก OpenAI แล้ว ยังมีบริษัทใหญ่อื่น ๆ เช่น Anthropic, DeepMind, xAI และ Google Gemini ที่เข้ามาร่วมชิงชัย ขณะที่จีนกำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสมดุลของอุตสาหกรรม AI ระดับโลก
ความคิดเห็น 0