สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐจากพรรคเดโมแครต 5 ราย นำโดย เอลิซาเบธ วอร์เรน เรียกร้องให้สำนักงานควบคุมสกุลเงินของสหรัฐ(OCC) และธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ตรวจสอบโครงการคริปโต ‘เวิลด์ลิเบอร์ตี้ไฟแนนเชียล(WLFI)’ อย่างเข้มงวด หลังมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับประธานาธิบดีทรัมป์และครอบครัว ซึ่งอาจละเมิด *ความเป็นธรรมในการกำกับดูแล* และส่งผลกระทบต่อ *เสถียรภาพทางการเงิน*
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม สมาชิกวุฒิสภาได้ส่งจดหมายถึง มิเชล โบว์แมน กรรมการดูแลนโยบายกฎระเบียบของเฟด และ รอดนีย์ ฮู้ด รักษาการผู้อำนวยการ OCC โดยแสดงความกังวลว่า การที่ทรัมป์และครอบครัวสามารถรับผลประโยชน์ทางการเงินจากโครงการ WLFI ซึ่งออกเหรียญสเตเบิลคอยน์ USD1 ภายใต้การกำกับของหน่วยงานรัฐ ถือเป็นกรณี *ผลประโยชน์ทับซ้อน* ที่ชัดเจนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
โครงการ WLFI เริ่มดำเนินการก่อนการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ในเดือนกันยายน 2024 โดยมีรายงานว่าครอบครัวของเขาถือหุ้นในสัดส่วน 60% จนถึงวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา โครงการสามารถระดมทุนได้ราว 550 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8,030 ล้านบาท ผ่านการขายโทเคนสองรอบ และได้เปิดตัวสเตเบิลคอยน์ USD1 บนเครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) และ BNB เชน ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ยังได้ขึ้นเวทีในงาน Blockchain Summit ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อโปรโมทเหรียญนี้อย่างเปิดเผย
หนึ่งในประเด็นที่สร้างความตึงเครียดคือคำสั่งฝ่ายบริหารที่ทรัมป์ลงนามเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีเนื้อหาให้หน่วยงานรัฐบาลกลางต้องปรึกษาและรายงานตรงต่อทำเนียบขาวในประเด็นนโยบายต่าง ๆ ซึ่งอาจ *บั่นทอนความเป็นอิสระ* ของหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินอย่างรุนแรง
ทางรัฐสภาสหรัฐกำลังอยู่ระหว่างพิจารณากฎหมาย ‘GENIUS Act’ ซึ่งหากผ่านการอนุมัติ จะให้อำนาจ OCC และเฟดในการควบคุมดูแลผู้ออกเหรียญสเตเบิลคอยน์อย่างเป็นทางการ ซึ่งหมายความว่า WLFI จะตกอยู่ภายใต้กรอบการบังคับใช้ของกฎหมายนี้ด้วย
วอร์เรนและสมาชิกวุฒิสภาอีกหลายรายได้ย้ำว่า การที่ทรัมป์ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีควบคุมบริษัทที่ออกสเตเบิลคอยน์เอง อาจนำไปสู่ *ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของระบบการเงิน* และ *ลดความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของหน่วยงานกำกับดูแล* อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการตอบโต้โดยด่วน
*ความคิดเห็นจากแวดวงคริปโต* ต่างสะท้อนความกังวลไม่แพ้กัน โดยมองว่าการที่บุคคลซึ่งมีบทบาททางการเมืองสำคัญ เสนอตัวเป็นผู้สนับสนุนหลักในการออกเหรียญและทำการตลาดโทเคน อาจส่งผลเสียในระยะยาวต่อความน่าเชื่อถือของทั้งตัวโครงการและนโยบายคริปโตของประเทศ
ท่ามกลางกระแสดังกล่าว WLFI และเหรียญ USD1 กำลังกลายเป็นบททดสอบสำคัญต่ออนาคตของกฎหมายและทิศทางการกำกับดูแลคริปโตในสหรัฐอเมริกา
ความคิดเห็น 0