ราคาบิตคอยน์(BTC) ร่วงลง 6.5% ภายในสองวัน สะท้อนรูปแบบ ‘ธงขาลง’ (bear flag) และอาจเปิดทางไปสู่การดิ่งลงต่อเนื่อง แม้ว่านักวิเคราะห์บางรายมองว่าอาจเป็นเพียงการปรับฐานระยะสั้น แต่ทั้งตัวชี้วัดทางเทคนิคและปัจจัยมหภาคยังคงส่งสัญญาณความเสี่ยงด้านลบอย่างชัดเจน
เมื่อวันที่ 29 บิตคอยน์ร่วงแตะระดับ $81,900 จากระดับสูงสุดในสัปดาห์ต้นที่ $87,500 แรงเทขายได้รับแรงกระตุ้นจาก ‘ความไม่แน่นอน’ ด้านนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ และตัวเลขดัชนีรายจ่ายผู้บริโภคพื้นฐาน(PCE) ของสหรัฐฯ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ที่ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ถึง 0.1 จุดเปอร์เซ็นต์ เพิ่มแรงกดดันว่าเฟดอาจชะลอการลดอัตราดอกเบี้ย
ผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลก็รุนแรงเช่นกัน โดยยอดการล้างสถานะในตลาดคริปโตตลอด 24 ชั่วโมงทะลุ 338 ล้านดอลลาร์ หรือราว 4,937 ล้านบาท ในจำนวนนี้ตำแหน่ง ‘ลอง’ ที่เกี่ยวกับบิตคอยน์เพียงอย่างเดียวมีมูลค่าสูงถึง 165 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2,409 ล้านบาท ขณะนี้ระดับแนวรับระยะสั้นอยู่ระหว่าง $80,000 ถึง $82,000 โดยบางฝ่ายคาดว่าอาจมีการฟื้นตัวในช่วงสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตาม สัญญาณจากกราฟเทคนิคระบุว่าราคาอาจถอยลงได้อีก โดยรูปแบบ ‘ธงขาลง’ ยืนยันแล้วหลังทะลุระดับแนวรับสำคัญที่ $85,800 ซึ่งชี้เป้าหมายราคาตกลงมาได้ถึงระดับ $62,000 หรือประมาณ 25% จากปัจจุบัน ขณะเดียวกัน ดัชนี RSI ยังเคลื่อนต่ำกว่าระดับกลาง บ่งชี้แรงเทขายยังคงอยู่
มุมมองของนักกลยุทธ์คริปโตชื่อดัง ไมเคิล ฟาน เดอ โพป ระบุว่าแนวโน้มราคายังคงเคลื่อนที่ในโครงสร้าง ‘ทำจุดต่ำใหม่และจุดสูงใหม่ที่ลดลง’ โดยมองว่าราคามีโอกาสถอยต่อไปถึง $76,600 ขณะที่บริษัทวิเคราะห์มหภาค แคปิตอล โฟลว์ส คาดว่าหากสภาพคล่องยังไม่เปลี่ยนแปลง ราคาบิตคอยน์มีโอกาสร่วงลงสู่โซน $72,000 ถึง $75,000 เช่นกัน ส่วนเทรดเดอร์ระดับตำนาน ปีเตอร์ แบรนต์ ก็ชี้ว่าแพทเทิร์นแบบ ‘ลิ่มขาลง’ อาจนำบิตคอยน์สู่ระดับ $65,635 ได้
แม้ระยะสั้นอาจเกิดการรีบาวด์ได้ แต่ภาพรวมทั้งปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคยัง ‘ส่งสัญญาณอ่อนแอ’ ทำให้ตลาดยังคงอยู่ในโหมดระมัดระวัง ความสนใจหลักของนักลงทุนคือการจับตาว่าระดับ $70,000 ถึง $80,000 จะมีแรงซื้อเข้ามาพยุงราคาได้หรือไม่ ประกอบกับการรอฟังสัญญาณนโยบายเศรษฐกิจในสัปดาห์หน้า
ความคิดเห็น 0