โซนิคแล็บส์(Sonic Labs) ยกเลิกแผนการเปิดตัวสเตเบิลคอยน์แบบอัลกอริธึมที่อิงตามดอลลาร์สหรัฐ โดยเปลี่ยนไปพัฒนาเหรียญใหม่ที่ใช้เงินดีแรห์มของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(AED) เป็นฐานแทน การปรับทิศทางดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความเคลื่อนไหวของหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐที่เริ่มเข้มงวดต่อคริปโตประเภทนี้มากขึ้น
การประกาศครั้งนี้ถูกเปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดียของอังเดร ครอนเย(Andre Cronje) ผู้ร่วมก่อตั้งโซนิคแล็บส์ ซึ่งก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งสัปดาห์ เขาเพิ่งประกาศเตรียมเปิดตัวสเตเบิลคอยน์แบบอัลกอริธึมที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 23% ต่อปี ครอนเยระบุว่า “เราจะไม่เปิดตัวสเตเบิลคอยน์แบบอัลกอริธึมที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐอีกต่อไป” และกล่าวเพิ่มเติมว่า กำลังพัฒนาเหรียญใหม่ที่ใช้‘ดีแรห์มเป็นฐาน’แต่ยังใช้‘ดอลลาร์สหรัฐสำหรับการชำระและการอ้างอิงราคา’
การเปลี่ยนทิศทางของโซนิคแล็บส์สอดคล้องกับแนวทางของธนาคารกลางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มีแผนจะเปิดตัว‘เงินดีแรห์มดิจิทัล(CBDC)’ ภายในช่วงสิ้นปี 2025 เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของประเทศและป้องกันอาชญากรรมทางการเงินอย่างการฟอกเงิน
ในขณะเดียวกัน‘ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ’ต่อสเตเบิลคอยน์แบบอัลกอริธึมก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือกรณีของ UST สเตเบิลคอยน์ของเทอร์ร่า ที่พังทลายลงในปี 2022 ซึ่งสร้างความเสียหายกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้สหภาพยุโรปสั่งห้ามเหรียญประเภทนี้โดยสิ้นเชิงภายใต้กฎหมาย MiCA และสหรัฐเองก็กำลังผลักดันกฎหมาย ‘STABLE’ และ ‘GENIUS’ ที่กำหนดให้สเตเบิลคอยน์ต้องมีหลักประกันแบบ 1:1 ซึ่งหมายความว่าการออกเหรียญแบบอัลกอริธึมจะถูกปิดตาย
ในช่วงที่ยังเหลือเวลาอีกประมาณสองเดือนก่อนที่กฎหมายในสหรัฐจะมีผลบังคับใช้ ตลาดคาดว่าผู้เล่นหลักอย่างเทเธอร์(USDT), เซอร์เคิล(USDC) และริปเปิล(XRP) จะเริ่มปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาความเป็นผู้นำ โดยการเปลี่ยนทิศของโซนิคแล็บส์ในตอนนี้ จึงถูกมองว่าเป็น *การตอบสนองล่วงหน้า* ต่อสภาพแวดล้อมที่กำลังเปลี่ยนแปลง
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกล่าวว่า “เหรียญที่ใช้ดีแรห์มเป็นฐานมีความสามารถในการอ้างอิงดอลลาร์อย่างแนบเนียนแต่ไม่เข้าเกณฑ์กฎระเบียบแบบตรงตัว” พร้อมเสริมว่า “โซนิคแล็บส์กำลังเดินเกมเชิงกลยุทธ์อย่างรอบคอบ”
ความคิดเห็น 0