ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตในสหรัฐฯ ระบุว่า ก่อนที่รัฐบาลจะปฏิรูปภาษี ควรให้ความสำคัญกับการกำหนดกรอบกำกับดูแล ‘สเตเบิลคอยน์’ และ ‘ความสัมพันธ์กับธนาคาร’ ให้ชัดเจนเสียก่อน โดยมองว่าการที่กฎระเบียบในปัจจุบันยังคลุมเครือ เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม
มาทัน เอดเดอร์ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของออร์บส์(Orbs) โปรเจกต์บล็อกเชนเลเยอร์ 3 กล่าวว่า “ประเด็นที่เร่งด่วนที่สุดของการกำกับดูแลในสหรัฐฯ ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องภาษี แต่เป็นการจัดการความสัมพันธ์ระหว่าง *สเตเบิลคอยน์* กับธนาคาร” พร้อมเน้นว่า การตีความกฎหมายที่มีอยู่ เช่น กฎหมายหลักทรัพย์ ให้มีความทันสมัย และการลดช่องว่างระหว่างภาคการเงินแบบดั้งเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการเติบโตของตลาดคริปโตได้มากกว่า
กระแสคาดหวังว่ากฎระเบียบจะผ่อนคลายลงยังเพิ่มขึ้น หลัง *ประธานาธิบดีทรัมป์* ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 7 มีนาคม โดยกำหนดให้ใช้คริปโตที่ยึดได้จากอาชญากรรมเป็นฐานสำหรับจัดตั้ง ‘กองทุนสำรองบิตคอยน์(BTC) แห่งชาติ’ เอดเดอร์มองว่าท่าทีของรัฐบาลใหม่สะท้อนจุดยืนที่เป็นมิตรกับคริปโตอย่างแข็งแกร่ง ยิ่งกว่าช่วงแรกของการดำรงตำแหน่งเสียอีก โดยชี้ว่านโยบายที่เคยเป็นเพียงจินตนาการ กำลังกลายเป็นจริง
อย่างไรก็ตาม เขายังเตือนว่าอำนาจของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* เพียงคนเดียวอาจยังไม่เพียงพอที่จะปรับเปลี่ยนทุกมิติของกฎระเบียบได้ โดยระบุว่า “สุดท้ายแล้วต้องเปลี่ยนที่ *กฎหมายหลัก* และนั่นต้องอาศัยความร่วมมือจากรัฐสภา” พร้อมแสดงความเห็นว่า แม้คำสั่งฝ่ายบริหารและนโยบายจากหน่วยงานกำกับดูแลจะให้ผลในระยะสั้น แต่การสร้างความเปลี่ยนแปลงในระยะยาวจำเป็นต้องอาศัยบทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติ
ในอีกด้านหนึ่ง ชาวคริปโตบนโซเชียลมีเดียกำลังพูดถึงวิดีโอไวรัลของ *วิตาลิก บูเทอริน* ผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม(ETH) ที่ปรากฏภาพเขากำลังมีปฏิสัมพันธ์กับหุ่นยนต์สี่ขา โดยทำเสียงคล้าย “เหมียว” ขณะลูบหัวหุ่นยนต์ ท่ามกลางกระแสวิจารณ์ว่าวิดีโอดังกล่าวมีนัยบางอย่างต่ออนาคตของอีเธอเรียมหรือไม่ แม้หลายคนเห็นว่าเป็นเพียงเหตุการณ์ขำขัน แต่ก็ยอมรับว่าชื่อเสียงของบูเทอรินยังคงมีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นของตลาด
อีกประเด็นที่น่าจับตา คือการฟ้องร้องของ *แพลตฟอร์มตลาดทำนายผล คัลชิ(Kalshi)* ต่อเจ้าหน้าที่กำกับดูแลเกมแห่งรัฐเนวาดาและรัฐนิวเจอร์ซีย์ หลังถูกสั่งให้ระงับกิจกรรมทำนายผลด้านกีฬา คัลชิเห็นว่านี่เป็นการแทรกแซงเกินขอบเขต เนื่องจากตนได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า(CFTC) แล้ว
ทีมงานของคัลชิให้เหตุผลว่า การวางเดิมพันในรูปแบบของ *สัญญาเหตุการณ์แบบสองทางบนแพลตฟอร์ม* ไม่ควรถูกจัดเป็นการพนันกีฬา และตนไม่ได้ดำเนินกิจการในฐานะเจ้ามือรับแทงแต่อย่างใด พร้อมย้ำชัดว่าอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลาง คดีนี้กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของความขัดแย้งระหว่างตลาดทำนายผลบนเชน กับระบบกฎหมายดั้งเดิมในสหรัฐฯ ซึ่งอาจกำหนดทิศทางให้กับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่ดำเนินธุรกิจในลักษณะเดียวกัน
ความคิดเห็น 0