แม็กซีน วอเทอร์ส(Maxine Waters) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต แสดงความกังวลอย่างรุนแรงต่อรายงานที่ระบุว่าทีมงานรัฐบาลของอีลอน มัสก์(Elon Musk) อาจสามารถเข้าถึงระบบและข้อมูลสำคัญของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(SEC) ซึ่งเธอเตือนว่าอาจเป็น *ภัยคุกคามร้ายแรง* ต่อการคุ้มครองนักลงทุนในสหรัฐฯ
โดยเมื่อวันที่ 31 มีนาคม วอเทอร์สออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเปิดเผยว่า เธอได้ส่งหนังสือเตือนถึงมาร์ก อูเยดา(Mark Uyeda) ผู้รักษาการตำแหน่งประธาน SEC ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พร้อมย้ำจุดยืนเดิมว่า หากหน่วยงานรัฐบาลที่นำโดยมัสก์ในชื่อ ‘กรมประสิทธิภาพรัฐบาล’ หรือ DOGE ได้รับสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลภายในของ SEC จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อนักลงทุนรายย่อย
วอเทอร์สระบุว่า การแทรกแซงในลักษณะนี้มีแนวโน้มก่อให้เกิดการ *รั่วไหลของข้อมูล* และ *ความปั่นป่วนในตลาด* ซึ่งอาจกระทบโดยตรงต่อเงินออมของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกองทุนเกษียณของผู้สูงอายุ นอกจากนี้ เธอยังกังวลว่า มัสก์ซึ่งเคยถูก SEC ดำเนินคดีมาหลายครั้ง อาจใช้ข้อมูลเหล่านี้ไปเพื่อประโยชน์ของกิจการตนเอง พร้อมระบุว่า นี่อาจเป็น *ความขัดแย้งทางผลประโยชน์* ครั้งใหญ่
คำเตือนของวอเทอร์สมีขึ้นไม่นานหลังจากมัสก์เข้ารับตำแหน่ง ‘เจ้าหน้าที่ราชการพิเศษ’ (Special Government Employee: SGE) ภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์ และเริ่มแทรกแซงนโยบายคนในหน่วยงานอิสระต่างๆ รวมถึงสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ(USAID) และสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านการเงิน(CFPB) โดยมีการลดจำนวนบุคลากรอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้ตอนนี้ DOGE ตกเป็นเป้าการฟ้องร้องเชิงรัฐธรรมนูญในศาลรัฐบาลกลาง
ทั้งนี้ SEC ยังถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักของสหรัฐฯ ที่ใช้กำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีหน้าที่พิจารณาว่าหลายๆ โทเคนมีสถานะเป็นหลักทรัพย์หรือไม่ ภายใต้การนำของอูเยดาและทรัมป์ SEC ได้ถอนฟ้องบางคดีที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์โดยบริษัทคริปโตเมื่อต้นปีนี้
ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่าอิทธิพลของมัสก์ภายใน SEC กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด พอล แอทกินส์(Paul Atkins) ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเป็นประธาน SEC โดยฝ่ายบริหารของทรัมป์ ได้ให้การต่อวุฒิสภาในที่ประชุมว่า เขาพร้อมที่จะ “ร่วมมือกับ DOGE” ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่พรรคเดโมแครตอีกครั้ง รวมถึงตั้งข้อสงสัยใน *ความขัดแย้งทางผลประโยชน์* ของแอทกินส์กับวงการคริปโต
จากประเด็นข้างต้น ทำให้หลายฝ่ายเริ่มวิตกว่า SEC ภายใต้นโยบายของทรัมป์อาจเปลี่ยนท่าทีไปในแนวทาง *เอื้อต่ออุตสาหกรรมคริปโต* มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อนโยบายเริ่มถูกกำหนดผ่านบุคคลและเครือข่ายที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งอาจสั่นคลอน *ความเป็นอิสระและความโปร่งใส* ของหน่วยงานในอนาคต
ความคิดเห็น 0