ฮีเดรา(HBAR) เร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนสำหรับองค์กรอย่างเต็มรูปแบบ โดยเมื่อวันที่ 31 มีนาคม (เวลาท้องถิ่น) บริษัทด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน ฮาร์ชกราฟ(Hashgraph) ได้เปิดตัวเวอร์ชันเบตาของแพลตฟอร์มเครือข่ายส่วนตัว ‘HashSphere’ พร้อมประกาศแผนเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในไตรมาส 3 ของปีนี้
HashSphere คือบล็อกเชนแบบ *ส่วนตัว* ที่อิงระบบการอนุญาต เหมาะสำหรับลูกค้าองค์กรที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำกับดูแล เช่น ธนาคาร ผู้ให้บริการชำระเงิน แพลตฟอร์มฟินเทค และธนาคารกลาง ระบบดังกล่าวพัฒนาบนพื้นฐานของเทคโนโลยีจาก *เฮเดรา* โดยเน้น *ความสามารถในการขยายตัว(SCALABILITY)* *ความปลอดภัย(SECURITY)* และ *การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล(DATA PRIVACY)* ที่ดียิ่งขึ้น อีกจุดเด่นคือ *ความเข้ากันได้กับอีเธอเรียม(ETH)* ซึ่งช่วยเพิ่มการทำงานร่วมกันกับบล็อกเชนระดับเลเยอร์ 1 รายอื่นๆ
ฮาร์ชกราฟระบุว่า HashSphere ไม่ได้เป็นเพียงเครือข่ายแบบส่วนตัวธรรมดา แต่ยังเปิดโอกาสให้แต่ละบริษัทสร้างเครือข่ายในรูปแบบ ‘Sphere’ ตามต้องการ และเลือกเชื่อมโยงข้อมูล หรือเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ระหว่าง Sphere ต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่น ‘การออกแบบแบบโมดูลาร์’ เช่นนี้ถูกมองว่าเป็นทางออกที่รองรับการเติบโตทางธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้อย่างคล่องตัว
*ความคิดเห็น* ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมให้ความสนใจกับ *โครงสร้างแบบไฮบริด* ที่เชื่อมระหว่างบล็อกเชนสาธารณะและบล็อกเชนแบบส่วนตัว โดยฮาร์ชกราฟชี้ว่า บล็อกเชนแบบอนุญาตบางรูปแบบเผชิญปัญหา ‘จุดล้มเหลวจุดเดียว(SPOF)’ และขาดความยืดหยุ่น ขณะที่บล็อกเชนสาธารณะแบบเลเยอร์ 2 ก็มีความเสี่ยงเรื่อง *ความไม่ชัดเจนของตัวตนผู้ตรวจสอบ* และ *ช่องโหว่ทางความปลอดภัย* ดังนั้น HashSphere จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขจุดอ่อนเหล่านี้
แนวโน้มความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลเริ่มเห็นทิศทางเชิงบวก *ร็อบ อัลเลน(Rob Allen)* กรรมการขององค์กรเครือข่ายการชำระเงินออสเตรเลีย Australian Payments Plus กล่าวว่า “เรากำลังผลักดันการเคลื่อนย้ายสเตเบิลคอยน์ที่ *โปร่งใส* และ *ปฏิบัติตามกฎระเบียบ* ทั้งภายในและภายนอกเครือข่ายของเฮเดรา โดย HashSphere จะเป็นกลไกสำคัญของภารกิจนี้”
HashSphere ยังถูกออกแบบเพื่อนำไปใช้ในหลากหลายกรณีของภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นด้านการชำระเงินดิจิทัล การโทเคนสินทรัพย์จริง(RWA) การใช้งานร่วมกับ AI หรือการโอนเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง(CBDC) พร้อมกันนั้นยังเตรียมเสริมฟีเจอร์ด้านความเชื่อถือ เช่น *การตรวจสอบที่โปร่งใส* *ระบบยืนยันตัวตนผู้ใช้อย่างชัดเจน* และ *การป้องกันธุรกรรมซ้ำซ้อน*
โครงการที่เกี่ยวข้องกับเฮเดราในภาพรวม กำลังตั้งเป้าเข้าสู่ *การใช้งานจริงในปี 2025* ความเคลื่อนไหวของ HashSphere จึงกลายเป็นจุดสำคัญที่ตลาดจับตามอง ว่าจะมีบทบาทต่อการขยายตัวของบล็อกเชนเฮเดราในตลาดองค์กรมากน้อยเพียงใด
ความคิดเห็น 0