สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกากลับมารุนแรงอีกครั้ง หลังรัฐบาลจีนประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐจากเดิม 34% เป็น *84%* เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน ซึ่งถือเป็นมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ที่ได้ใช้มาตรการภาษีขั้นสูงก่อนหน้านี้ ไม่เพียงแค่นั้น จีนยังประกาศควบคุมการส่งออกไปยัง 12 บริษัทอเมริกัน โดย 6 ในจำนวนนั้น อาทิ ชีลด์เอไอ(Shield AI) และ เซียรา เนวาดา คอร์ปอเรชั่น(Sierra Nevada Corporation) ถูกขึ้นบัญชีเป็น ‘บริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือ’ ห้ามลงทุนและดำเนินธุรกิจในจีน
กระทรวงการคลังของจีนได้ยื่นแถลงการณ์ต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ระบุว่า “สถานการณ์ทวีความตึงเครียดอย่างอันตราย พร้อมแสดงความกังวลอย่างรุนแรงและคัดค้านการกระทำที่ไม่รับผิดชอบของสหรัฐฯ” จุดชนวนของข้อพิพาทในครั้งนี้เริ่มจากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนสูงถึง *104%* เมื่อต้นปี โดยเขาระบุว่า มาตรการนี้จะเป็นแบบ ‘ถาวร’ และใช้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการค้า
ในการประชุม WTO จีนยังคงไม่ลดท่าที โดยกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าการกำหนดภาษีแบบตอบโต้เป็นการละเมิดกฎการค้าพหุภาคี และอาจย้อนกลับมาส่งผลลบต่อเศรษฐกิจอเมริกันเอง ด้านธนาคารกลางจีนก็เริ่มดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อพยุงค่าเงินหยวน โดยสั่งให้ธนาคารรัฐลดการเข้าซื้อดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ป้องกันอัตราแลกเปลี่ยน
ความตึงเครียดทางการค้ากระทบทั้งตลาดการเงินแบบดั้งเดิมและสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างชัดเจน ดัชนี S&P500 ประสบกับการร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ยุค 1950 และใกล้เข้าสู่ภาวะตลาดหมี ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและเงินดอลลาร์ซึ่งเคยมองว่าเป็น ‘สินทรัพย์ปลอดภัย’ ก็ร่วงหนักเช่นกัน ฟากตลาดคริปโตเอง *บิตคอยน์(BTC)* เคยหล่นต่ำกว่า $76,000 (ราว 1.11 ล้านบาท) ทำให้บรรยากาศของตลาดคริปโตโดยรวมเผชิญกับแรงเทขาย
การปะทุของสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสองยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจโลก ส่งผลต่อทั้งห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก กระแสทุนเคลื่อนย้าย รวมถึง ‘ราคา’ ของสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากสถานการณ์ภาษีสูงและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงดำเนินต่อไป อาจนำไปสู่แนวโน้ม ‘ลดระดับโลกาภิวัตน์’ อย่างถาวร แทนที่จะเป็นเพียงการปรับฐานชั่วคราว ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีแนวโน้มถือครองสินทรัพย์เสี่ยงลดลง ในทางกลับกัน หากเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่า อาจเห็น ‘เงินไหลเข้า’ สินทรัพย์ทางเลือกอย่างบิตคอยน์เพิ่มเติม ความคิดเห็นนี้ตอกย้ำบทบาทของคริปโตในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นได้ชัดขึ้นในช่วงหลัง.
ความคิดเห็น 0