แมตต์ โฮแกน(Matt Hougan) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบิตไวส์(Bitwise) บริษัทจัดการสินทรัพย์ในสหรัฐฯ วิเคราะห์ว่า *นโยบายด้านภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์* อาจกลายเป็นแรงหนุนสำคัญในการ *ผลักดันราคาบิตคอยน์(BTC)* ให้พุ่งขึ้น โดยระบุว่า “รัฐบาลทรัมป์มีเจตจำนงทางนโยบายที่ชัดเจนในการผลักดันให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง แม้ว่าจะแลกมาด้วยสถานะของดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินหลักของโลก” พร้อมทั้งเสริมว่า มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกและกอบกู้ภาคการผลิตกลับคืนมา
รายงานล่าสุดของโฮแกนชี้ว่า “ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ(DXY) และราคาบิตคอยน์มักเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้าม” ซึ่งหมายความว่า หากแนวโน้ม *ค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง* ราคาบิตคอยน์มีแนวโน้มพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเขาอ้างอิงจากข้อมูลหลังปี 2020 ที่แสดงให้เห็นถึง *รูปแบบพฤติกรรมตลาดในลักษณะเดียวกัน* ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและความเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายการเงิน
ในมุมมองระยะยาว โฮแกนย้ำว่า บิตคอยน์ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมาก พร้อมระบุว่า *นโยบายกีดกันทางการค้าและการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์* อาจกลายเป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้ระบบการค้าโลกและระบบการเงินที่ยึดดอลลาร์เปลี่ยนทิศทางไปสู่ระบบสำรองเงินตราที่หลากหลายมากขึ้น นำไปสู่ความเป็นไปได้ที่ *นักลงทุนทั่วโลกจะหันมาให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ดิจิทัล* ที่รัฐไม่สามารถแทรกแซงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง *บิตคอยน์ที่มีทั้งความหายากและมีสภาพคล่องสูง*
เขายังกล่าวเสริมว่า “ในช่วงเวลาที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูง ทองคำและบิตคอยน์ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ 'ฮาร์ดมันนี่' มักถูกมองว่าเป็นแหล่งเก็บมูลค่าทางเลือก” นอกจากนี้ บิตคอยน์ยังมีข้อดีตรงที่เป็น *สินทรัพย์ดิจิทัลแบบกระจายศูนย์* ซึ่งอาจทำให้โดดเด่นในฐานะเครื่องมือการลงทุนที่ขับเคลื่อนโดยภาคเอกชน
ด้านบิตไวส์ได้เคยออก *รายงานคาดการณ์เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา* ว่าบิตคอยน์อาจแตะระดับ *200,000 ดอลลาร์สหรัฐ* (ราว 29.2 ล้านบาท) ภายในสิ้นปี 2025 โดยโฮแกนระบุว่าการคาดการณ์นี้ยังคงมีน้ำหนัก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในตลาดเงินโลก เช่น *สงครามค่าเงิน* และแนวโน้มการ “รีดีโนมิเนต” หรือปรับโครงสร้างค่าเงิน อาจกลายเป็น *ปัจจัยเร่งสำคัญ* ที่ทำให้บิตคอยน์ถูกยอมรับอย่างสมบูรณ์ในฐานะ ‘สินทรัพย์ระดับโลก’
ขณะเดียวกัน ภายในรัฐบาลสหรัฐฯ ก็มีจุดยืนที่ชัดเจนต่อทิศทางค่าเงิน โดย *สตีฟ มิลลัน* แห่งคณะกรรมการที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว เคยชี้ว่า “ระบบเงินตราที่อิงดอลลาร์เป็นศูนย์กลางมีผลเสียต่อภาคการผลิต” และ *จำเป็นต้องมีการปรับทิศทางเพื่อหลีกเลี่ยงการแข็งค่าของดอลลาร์* ที่ส่งผลเสียต่อการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในระเบียบการค้าโลกและนโยบายการเงินที่ยังคงไม่แน่นอน ทิศทางนโยบายของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ตลาดจับตามอง ความเคลื่อนไหวเหล่านี้อาจทำให้บิตคอยน์ได้รับการยอมรับมากขึ้นในฐานะ *ทรัพย์สินทางเลือกเพื่อลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของตลาดการเงินโลก*
ความคิดเห็น 0