21Shares ประกาศเดินหน้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐอย่างจริงจัง ด้วยการยื่นคำขอเปิดตัวกองทุน ETF ที่อ้างอิงราคาสปอตของดอจคอยน์(DOGE) ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้ท้าชิงรายล่าสุดในสมรภูมิ ‘มิมคอยน์ ETF’ ที่กำลังร้อนแรง ขณะเดียวกันราคาดอจคอยน์ก็ดีดตัวขึ้นทันทีหลังข่าวเผยแพร่
ตามรายงาน เมื่อวันที่ 21 (เวลาท้องถิ่น) 21Shares ได้ยื่นเอกสาร S-1 ต่อ SEC เป็นทางการ และเตรียมยื่นเอกสาร 19b-4 อันเป็นขั้นตอนเพิ่มเติมที่จำเป็นสำหรับการอนุมัติ ETF ตัวกองทุนนี้จะอิงกับ ‘CF ดอจคอยน์-ดอลลาร์ เซตเทิลเมนท์ ไพรซ์’ (CF Dogecoin-Dollar Settlement Price) โดยให้ความสามารถแก่นักลงทุนในการเข้าถึงดอจคอยน์ผ่านตลาดทุนแบบมีการกำกับ โดยไม่ต้องถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลเอง
การยื่นขอ ETF ครั้งนี้ส่งผลให้ 21Shares กลายเป็นบริษัทที่สามที่ยื่นเรื่องต่อ SEC เพื่อขออนุมัติดอจคอยน์ ETF รองจากเกรย์สเกล(Grayscale) และบิทไวส์(Bitwise) ที่สำคัญในวันเดียวกัน 21Shares ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ETP ใหม่ที่ชื่อว่า ‘House of Doge’ บนตลาดหลักทรัพย์สวิตเซอร์แลนด์ (SIX) ร่วมกับพาร์ทเนอร์ในชื่อเดียวกัน โดยผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิดอจคอยน์อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก
หาก ETF ได้รับไฟเขียวจาก SEC ทาง 21Shares และ House of Doge มีแผนทำงานร่วมกันอีกครั้งเพื่อผลักดันผลิตภัณฑ์นี้เข้าสู่ตลาดอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีบริษัท คอยน์เบส(Coinbase) รับบทเป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ ซึ่งสื่อถึงความโปร่งใสและน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ในสายตานักลงทุน สถานการณ์นี้จึงถูกมองว่าเป็นอีกก้าวของ ‘มิมคอยน์’ ในการเข้าสู่กระแสการเงินกระแสหลัก
ภายหลังการประกาศไม่นาน ราคาดอจคอยน์ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว นักวิเคราะห์ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง เควิน แคปิตอล แสดงความเห็นว่า กราฟราคาดอจคอยน์ปรากฏรูปแบบ ‘ขาขึ้น’ อย่างชัดเจน โดยเขาสันนิษฐานว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ตัดสินใจยืดเวลาการเก็บภาษีนำเข้าไปอีก 90 วันอาจมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ตลาดคริปโตโดยรวมดีดตัวขึ้น ทั้งนี้ บิตคอยน์(BTC) ปรับขึ้น 7.7% แตะที่ 82,967 ดอลลาร์ ส่วนอีเธอเรียม(ETH), ดอจคอยน์(DOGE), และริปเปิล(XRP) ต่างพุ่งขึ้นกว่า 12% ขณะที่โซลานา(SOL) สร้างความประหลาดใจด้วยการกระโดดขึ้นถึง 14%
อีกแรงกระเพื่อมหนึ่งที่ส่งผลต่อตลาด คือการเปลี่ยนตัวผู้นำของ SEC โดยวุฒิสภาสหรัฐได้ลงเสียงรับรอง พอล แอตกินส์(Paul Atkins) ซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนคริปโต ให้ดำรงตำแหน่งประธาน SEC อย่างเป็นทางการ แม้ว่ายังต้องรอการลงนามอนุมัติจากประธานาธิบดีทรัมป์ แต่การเปลี่ยนตัวนี้ถือเป็นสัญญาณว่าจุดยืนด้านกฎระเบียบของ SEC อาจเปลี่ยนแปลงในทิศทางเอื้อเฟื้ออุตสาหกรรมคริปโตมากยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ SEC เคยเลื่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับ ETF ที่อิงกับคริปโตอย่างไลต์คอยน์, ดอจคอยน์, โซลานา และริปเปิล แต่บรรยากาศในยุคใหม่ภายใต้การนำของแอตกินส์ก่อให้เกิดความหวังว่า ETF เหล่านี้อาจเห็นความชัดเจนในระยะอันใกล้ การที่มิมคอยน์อย่างดอจคอยน์ พลิกสถานะสู่ผลิตภัณฑ์การเงินที่ถูกพิจารณาโดยกลไกทางการ ถือเป็นสัญญาณสำคัญของการเติบโต และเปิดประตูสู่การเพิ่ม ‘สภาพคล่อง’ และ ‘นักลงทุนใหม่’ เข้าสู่ตลาดคริปโตในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0