ในไตรมาสแรกของปี 2025 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และดำเนินธุรกิจ ‘ขุดบิตคอยน์(BTC)’ รายใหญ่สามารถผลิตบิตคอยน์รวมกันมูลค่าราว 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.17 ล้านล้านวอน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมการขุดยังคงเติบโตต่อเนื่อง ท่ามกลางราคาบิตคอยน์ที่เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ตามรายงานของ Cointelegraph เมื่อวันที่ 24 ซึ่งอ้างอิงข้อมูลแบบเปิด บริษัทเหมืองขนาดใหญ่ เช่น มาราธอนดิจิทัล(Marathon Digital), คลีนสปาร์ก(CleanSpark) และไอเรน(Iren) ได้ร่วมกันผลิตบิตคอยน์มากกว่า 9,700 BTC ระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ราคาบิตคอยน์อยู่ที่ประมาณ 81,600 ดอลลาร์ต่อ 1 BTC
มาราธอนดิจิทัล ซึ่งเป็นผู้ขุดรายใหญ่ที่สุดตามมูลค่าตลาด ผลิตได้สูงถึง 2,285 BTC ในไตรมาสแรก คิดเป็นมูลค่าประมาณ 186 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยคลีนสปาร์กซึ่งขุดได้ 1,950 BTC (ประมาณ 159 ล้านดอลลาร์) โดยในเดือนมีนาคม บริษัทยังมีอัตราการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนไปอีก 13.4% ขณะที่ไอเรนผลิตได้ 1,513 BTC คิดเป็นมูลค่าราว 124 ล้านดอลลาร์
ในอีกด้านหนึ่ง สหรัฐฯ ได้ยืนยันการแต่งตั้ง ‘พอล แอ็ตกินส์’(Paul Atkins) เป็นประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(SEC) ต่อจากแกรี เกนส์เลอร์(Gary Gensler) ตามการเสนอชื่อของประธานาธิบดีทรัมป์ การลงคะแนนเมื่อวันที่ 9 เมษายนในวุฒิสภาสหรัฐฯ มีเสียงเห็นด้วย 52 เสียง และเสียงไม่เห็นด้วย 44 เสียง
‘แอ็ตกินส์’ มีจุดยืนที่ชัดเจนในการสนับสนุนคริปโต และเคยดำรงตำแหน่งกรรมาธิการของ SEC ระหว่างปี 2002 ถึง 2008 จากนั้นได้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน Patomak Global Partners และล่าสุดเป็นประธานร่วมขององค์กรสนับสนุนนโยบายคริปโตอย่าง ‘โทเคนอัลไลแอนซ์(Token Alliance)’ นอกจากนี้ เขายังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันกรอบกฎหมายที่มีเหตุผลสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล
ในการไต่สวนต่อวุฒิสภาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ‘แอ็ตกินส์’ ย้ำว่า “การสร้างฐานกฎเกณฑ์ที่มีความสมเหตุสมผลและยึดหลักการสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล ควรเป็นภารกิจลำดับแรก” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาจะมีท่าทีที่แตกต่างจากแนวทางเข้มงวดของเกนส์เลอร์
ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อทรัมป์ประกาศมาตรการ ‘ภาษีตอบโต้’ โดยจะเพิ่มภาษีนำเข้าในสินค้าจีนขึ้นเป็น 125% พร้อมกับออกมาตรการผ่อนปรน 90 วันให้บางกิจการในประเทศ โดยให้เหตุผลว่าเป็นการตอบโต้ต่อภาษีสินค้าสหรัฐฯ ที่จีนเพิ่งประกาศใช้
ทรัมป์ยังโพสต์ข้อความในแพลตฟอร์ม Truth Social ว่า “ยุคที่จีนเอาเปรียบอเมริกานั้นจบลงแล้ว” ซึ่งสะท้อนแนวนโยบายการค้าที่แข็งกร้าว แม้จะเกิดความไม่แน่นอน แต่ดัชนี S&P 500 ก็พุ่งขึ้นกว่า 7% หลังแถลงการณ์ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าตลาดทุนยังตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวของนโยบายในทันที
ความคิดเห็น 0