นักลงทุนในตลาดคริปโตเผชิญแรงสั่นสะเทือนอีกระลอก หลังจากราคาของโทเคน *มันตรา(OM)* ร่วงลงกว่า 90% ภายในไม่กี่ชั่วโมง เมื่อวันที่ 13 ฌั่วโมง (เวลาท้องถิ่น) ซึ่งย้อนให้ระลึกถึงเหตุการณ์ “ลูน่า” และภัยพิบัติแบบแบล็กสวอนในอดีตอีกครั้ง
ในวันเดียวกันนั้น รายงานจากบริษัท *คอยน์เบส* ที่จัดทำขึ้นสำหรับนักลงทุนสถาบัน ถูกเผยแพร่ออกมา โดยคาดการณ์ว่า *ตลาดคริปโตจะยังไม่ฟื้นตัวอย่างจริงจังจนกว่าจะถึงไตรมาส 3 ปี 2025* ซึ่งยิ่งเติมเชื้อไฟให้กับความหวั่นวิตกของนักลงทุน
การพังทลายของโทเคน *OM* ครั้งนี้สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างเรื้อรังในตลาดคริปโตช่วงสุดสัปดาห์ ที่มีปัญหา ‘*สภาพคล่องต่ำ*’ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ปริมาณซื้อขายน้อย การเทขายจำนวนมากจึงสามารถฉุดราคาลงอย่างรุนแรง นักวิเคราะห์บางรายระบุว่า โทเคนดังกล่าวทรุดจากราว 6.30 ดอลลาร์ เหลือต่ำกว่า 0.50 ดอลลาร์ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แม้ก่อนหน้านี้ราคาจะรักษาระดับได้ค่อนข้างดีในภาวะตลาดหมี
จากความผันผวนที่รุนแรง บางฝ่ายเริ่มตั้งข้อสังเกตเรื่อง ‘*การปั่นราคา*’ โดยเชื่อว่าอาจมีแรงจูงใจแอบแฝงอยู่เบื้องหลังการเทขายอย่างฉับพลันครั้งนี้
ผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนเห็นตรงกันว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่โทเคน *มันตรา(OM)* เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความบกพร่องของโครงสร้างตลาดคริปโตอย่างกว้างขวาง *เกรซี เฉิน(Gracy Chen)* ซีอีโอของ *บิทเก็ต(Bitget)* แสดงความคิดเห็นผ่านรายการ X ของ *Cointelegraph* ว่า “การล่มของ OM เปิดเผยปัญหาหลักที่อุตสาหกรรมคริปโตกำลังเผชิญหน้า”
เธอระบุว่า “การถือครองโทเคนที่กระจุกตัวในกลุ่มเล็ก ความไม่โปร่งใสของระบบบริหารจัดการ รวมถึงการไหลเข้าออกของเงินทุนจากกระดานเทรดที่เกิดแบบฉับพลัน ทำให้เมื่อเกิดการเทขายในช่วงที่สภาพคล่องต่ำอย่างช่วงสุดสัปดาห์ ก็นำไปสู่การ ‘บังคับขาย’ และร่วงลงรุนแรงแบบที่เห็น”
เหตุการณ์ *มันตรา(OM)* จึงกลายเป็นกรณีศึกษาอีกหนึ่งที่ตอกย้ำว่า *เมื่อระบบขาดทั้งสภาพคล่องและโครงสร้างการบริหารแบบกระจายอำนาจ ตลาดคริปโตจะเปราะบางเพียงใด* โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีแรงกดดันจากหลายด้านในเวลาเดียวกัน
ความคิดเห็น 0